เผลอแป๊บเดียว เทศกาลหยุดยาวก็มาเยือนอีกแล้ว พี่ๆ หลายคนคงคิดถึงภาพบรรยากาศอบอุ่น ครื้นเครง สนุกสนาน
ของช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวได้มารวมตัวพบปะสังสรรค์กัน หลังจากห่างหายไปนาน
นานๆ ที มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกัน พี่ๆ คงมีคำถามที่อยากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของลูกๆ หลานๆ มากมาย หลายคนก็อาจใช้ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารเปิดบทสนทนา แต่พี่ๆ ทราบไหมว่า บางคำถามที่เราถามด้วยความห่วงใย อาจกลายเป็นคำถามที่ทำให้ลูกหลานลำบากใจไม่อยากตอบได้
ยังแฮปปี้เลยอยากชวนพี่ๆ มารู้จักกับ 5 หมวดคำถามที่ลูกหลานไม่อยากเจอในวันรวมญาติ พร้อมไอเดียคำถามที่จะทำให้บรรยากาศของการสนทนาในครอบครัว อบอวลด้วยความรักและความปรารถนาดี รับรองว่า ทำตามนี้แล้วจะสงกรานต์
สิ้นปี ปีใหม่ หรือโอกาสใด ก็ยังแฮปปี้ทั้งครอบครัว

1.คำถามหมวดหน้าที่การงาน
"เมื่อไรจะหางานได้
"ตำแหน่งอะไร"
"เงินเดือนเท่าไร"
"งานที่ทำมั่นคงหรือเปล่า"
"ทำไมไม่ทำอย่างอื่นที่ดีกว่านี้"
แม้การงานคือรากฐานอันมั่นคงของชีวิต และพี่ๆ ก็คงเป็นห่วงว่าลูกหลานจะมีงานที่ดี ได้เงินเดือนที่เหมาะสม
พอเลี้ยงตัวเองไหม แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึกสบายใจที่จะตอบคำถามนี้ หลายคนอาจรู้สึกว่าถูกกดดัน ยิ่งไปกว่านั้น
หากผู้ถูกถามอยู่ในช่วงกำลังหางาน คำถามนี้ก็จะยิ่งสร้างความเครียดมากขึ้น หรือบางคนอาจไม่อยากเล่าถึงการงานของตนเองก็เป็นได้
นอกจากนี้การเปรียบเทียบเงินเดือน ตำแหน่งหรืองานกับคนอื่นๆ ในครอบครัว ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่ละคนมีความต้องการและความสุขแตกต่างกัน การถูกเปรียบเทียบหรือตั้งคำถามกับงานที่ทำ อาจเป็นการบั่นทอนกำลังใจ และสร้างความลังเลใจให้กับพวกเขาได้ ในฐานะพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ การเห็นลูกหลานได้ทำงานที่รักก็เพียงพอแล้ว ลองเปลี่ยนเป็นคำถามกลางๆ เช่น ช่วงนี้เหนื่อยไหม ได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า จะดีต่อใจผู้ฟังมากกว่า

2.คำถามหมวดความสัมพันธ์
"มีแฟนรึยัง"
"แฟนทำอะไร"
"แฟนรวยไหม"
"เมื่อไรจะแต่งงาน"
"เมื่อไรจะมีลูก"
หลายคนเห็นลูกหลานครองโสดมายาวนาน ก็เริ่มถามเรื่องความสัมพันธ์ คำถามนี้อาจแทงใจคนถูกถามเข้าอย่างจัง
เพราะเจ้าตัวเองก็อาจกำลังถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า “นั่นสิ เมื่อไรจะมี” นอกจากนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว การวางแผนครอบครัวก็เปลี่ยนไปตามสภาพเศรษฐกิจ เด็กรุ่นใหม่หลายคนมีความสุขกับการครองโสด สนุกและอิสระกับการใช้ชีวิตแบบนี้ โดยไม่ต้องการใครมาเติมเต็ม เราจึงไม่จำเป็นต้องพยายามกำหนดวิธีมีความสุขให้กับพวกเขา
สำหรับพี่ๆ ที่ลูกหลานมีแฟนแล้ว สเต็ปถัดไปอย่าง แฟนทำงานอะไร ฐานะเป็นอย่างไร เมื่อไรจะแต่งงาน มีลูก ฯลฯคำถามทำนองนี้ควรเบรกไว้ก่อนเช่นกัน เพราะเป็นคำถามที่สามารถสร้างความกดดันให้ผู้ฟังได้ ผู้เชียร์ข้างสนามอย่างเรา ให้กำลังใจอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ รอยินดีกับความสุขในชีวิต ทุกวิถีการใช้ชีวิตของพวกเขาจะดีกว่า

3. คำถามหมวดการเรียน
"เรียนได้เกรดเท่าไร"
"เรียนไปทำอะไร"
สำหรับพี่ๆ ที่มีลูกหลานวัยเรียน คงหนีไม่พ้นที่จะถามเกี่ยวกับการเรียนของลูกหลาน ลองเลือกคำถามที่ช่วยสร้างกำลังใจให้พวกเขามีพลังสู้กับการเรียนต่อไปอย่าง
เช่น “เรียนหนื่อยไหม” “หาเวลาพักผ่อนบ้างนะ” “เรียนสนุกไหม” “ชอบหรือเปล่า” จะดีต่อใจมากกว่าเพราะเป็นคำพูดที่ไม่สร้างความกดดันและเปิดโอกาสให้ลูกหลานได้เลือกเล่าในส่วนที่เขาอยากแบ่งปัน
การถามถึงผลการเรียนตลอดจนการเปรียบเทียบกับลูกหลานคนอื่นๆ นำมาซึ่งความกดดัน ความเครียด เพราะคนเรามีความเก่งแตกต่างกัน ความสุขของเขาที่เกิดจากการเรียนรู้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า ‘เกรดเฉลี่ย’

4.คำถามหมวดการเงิน
"ให้เงินพ่อแม่ใช้บ้างรึเปล่า"
"เมื่อไรจะซื้อบ้าน ซื้อรถ"
เรื่องเงินๆ ทองๆ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเราไม่รู้เลยว่า ท่ามกลางความสุขและรอยยิ้มที่มาเจอกันในวันหยุดยาว ช่วงวันธรรมดาแต่ละคนต้องแบกรับภาระอย่างไรบ้าง เรื่องเงินและทรัพย์สิน เช่น เรื่องบ้าน รถ หรือเงินเก็บ จึงไม่ควรหยิบยกมาพูดเพื่อทำลายบรรยากาศ เพราะเชื่อว่าทุกๆ คน คงคิดเรื่องนี้อยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ให้วันหยุดเป็นวันแห่งครอบครัวและให้เขาได้ปล่อยวางจากความตึงเครียดจะดีกว่า
นอกจากนี้ ความสุขและความจำเป็นของแต่ละคนยังแตกต่างกัน บางคนสะดวกใจที่จะใช้รถสาธารณะในการเดินทาง บางคนสะดวกใจที่จะลงทุนในรูปแบบอื่น ควรให้เจ้าตัวได้วางแผนชีวิตของตัวเอง โดยที่เรารอชื่นชมวันที่ความพยายามของพวกเขาจะออกดอกออกผลอยู่เบื้องหลังก็พอ

5.คำทักทายเกี่ยวกับรูปร่างหรือเพศ
"อ้วนขึ้นนะ"
"ทำไมโทรมจัง"
"ตกลงเป็นเพศอะไรกันแน่"
“ไปทำอะไรมา อ้วนขึ้นเยอะเลย”
อีกคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง ที่หลายคนมักจะเผลอถามลูกหลาน แต่รู้ไหมว่า การทักถามแบบนี้ อาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกเสียความมั่นใจ และกังวลในรูปร่างของตัวเอง ในขณะที่สังคมรณรงค์ให้ภูมิใจในรูปร่างตัวเองและความหลากหลาย ผู้ใหญ่ในบ้านอย่างเราก็ต้องอัปเดตให้ทันกระแสสังคมด้วย เปลี่ยนจากการทักถามเรื่องรูปร่างหน้าตา เป็นคำถามที่แสดงถึงความห่วงใยในสุขภาพ อย่างเช่น ช่วงนี้นอนหลับดีไหม สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง หรือชื่นชมกันบ่อยๆ รับรองว่าผู้ฟังจะยิ้มรับและยินดีตอบอย่างแน่นอน
นอกจากคำแนะนำข้างต้นแล้ว พี่ๆลองเลือกคำถามกลางๆ อย่าง ช่วงนี้สนใจอะไรอยู่ หรือมีเรื่องอะไรสนุกๆมาเล่าให้ฟังไหม เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ตอบได้เลือกว่าตัวเองอยากจะพูดคุยหรือ เล่าเรื่องอะไร หรือพี่ๆ จะหยิบภาพยนตร์ เพลง ข่าวสารที่เป็นกระแส ตลอดจนแอปพลิเคชันที่กำลังมาแรง มาเป็นประเด็นแลกเปลี่ยนในบทสนทนาก็ได้
สิ่งสำคัญคือ ขอแค่รับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ด่วนตัดสิน เพราะยิ่งสนิท ยิ่งใกล้ชิด ยิ่งต้องรักษาน้ำใจ เป็นไปได้ว่าบางครั้งเราอาจเผลอสร้างความไม่สบายใจ ให้ลูกหลานด้วยความเป็นห่วง
หยุดยาวนี้ มาเว้นพื้นที่ส่วนตัว เพื่อกระชับพื้นที่ของความรัก ความคิดถึงกันดีกว่านะคะ
Share this article