ย่างเข้าสู่เดือนเมษายน อากาศบ้านเราได้เข้าสู่ช่วงที่ร้อนที่สุด ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานว่า ระหว่างวันที่ 4-6 เมษายน 66 ค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) หมายถึง อุณหภูมิที่คนเรารู้สึกได้ในขณะนั้น อาจพุ่งสูงถึง 50.2 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

ยิ่งอากาศร้อนมากขนาดนี้ กลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือกลุ่มพี่ๆ ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ที่เสี่ยงต่อการเป็น โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือโรคลมแดด ที่เชื่อว่าพี่ๆ หลายคนคงได้ยินข่าวการเสียชีวิตหลายเคสในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังแฮปปี้อยากจะชวนพี่ๆ มารู้จักโรคนี้ให้มากขึ้น พร้อมกับวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย

โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูง ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ความร้อนในร่างกาย (Core Temperature) สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และไม่สามารถระบายความร้อนออกมาทันทีได้ ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว ถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและทันเวลาอาจทำให้หัวใจหยุดเต้น และถึงแก่ชีวิตได้

ข้อสังเกตอาการสำคัญของโรคฮีทสโตรก คือแม้จะอากาศร้อน หน้าแดง ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีเหงื่อออก รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน เกร็งกล้ามเนื้อ รูม่านตาขยาย ความรู้สึกตัวลดน้อยลง และอาจหมดสติได้ทันที

วิธีการป้องกันโรคฮีทสโตรก

  • ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ก่อนออกจากบ้านในวันที่มีอากาศร้อนจัด
  • หากต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่เบาสบาย ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงสีดำ
  • ก่อนออกนอกบ้าน ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงการตากแดดกลางแจ้ง ควรอยู่ในห้องที่อากาศระบายได้ดี


    รู้แล้วก็อย่าลืมป้องกันตัวเอง หลีกเลี่ยงการตากแดดร้อนจัด และดื่มน้ำบ่อยๆ นะจ๊ะ

อ้างอิง

https://www.vibhavadi.com/Health-expert/detail/675