พี่ๆ คนไหนได้ ‘รังนกแท้’ เป็นของฝากบ่อยๆ บ้าง ขอให้ยกมือขึ้น 
เชื่อได้เลยว่าพี่ๆ หลายคนมักจะได้รับรังนกในโอกาสต่างๆ จากลูกหลานหรือคนสนิทในโอกาสต่างๆ อยู่เสมอ เพราะรังนกถือได้ชื่อว่าเป็นของฝากเพื่อสุขภาพที่มีคุณค่า มอบให้แทนความห่วงใยและความปรารถนาดีต่อกันนั่นเอง แต่หลายครั้งพี่ๆ ก็อาจจะสงสัย ว่าแท้จริงแล้ว รังนกมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงไหม ทำไมถึงมีราคาแพง อีกทั้งยังกังวลว่ามีหลายยี่ห้อในตลาดแต่ยี่ห้อไหนถึงจะเป็นของแท้และมีคุณภาพ 
ยังแฮปปี้ จึงขออาสาพาพี่ๆ ไปทำความรู้จักกับประโยชน์ที่แท้จริงของรังนก พร้อมกับวิธีสังเกตรังนกแท้แบบง่ายๆ เพื่อมั่นใจว่าพี่ๆ ได้ดื่มรังนกแท้ 100% ที่มีคุณภาพมาตรฐานอย่างแน่นอน 

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/10/Brand%20%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%81-02_0.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
รังนกแท้ จุดเริ่มต้นมาจากไหน 
หากเอ่ยถึงต้นกำเนิดของการนำรังนกแท้มาเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ต้องย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ถังของจีน หรือกว่าพันปีมาแล้ว 
โดยถือเป็นหนึ่งในอาหารชั้นสูงที่มีถวายแด่จักรพรรดิ์หรือขุนนางระดับสูงเท่านั้น เพราะมีความเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะสุดล้ำค่าที่หาได้ยาก เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยบำรุงร่างกาย ดีต่อสุขภาพ ดีต่อระบบทางเดินหายใจ และผิวพรรณ ตามตำราแพทย์แผนจีนที่สืบทอดมานับพันปี กระทั่งปัจจุบันมีหลากหลายงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันแล้วว่า รังนกเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มีสารอาหารมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแท้จริง 
เอกสารอ้างอิง
<ul>
<li>Lee, et al. (2021). Edible Bird’s Nest: The Functional Values of the Prized Animal-Based Bioproduct From Southeast Asia–A Review. Frontiers in pharmacology, 12, 626233. <a href="https://doi.org/10.3389/fphar.2021.626233" target="_self">https://doi.org/10.3389/fphar.2021.626233</a> </li>
</ul>
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/10/Brand%20%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%81-03.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
นานะ สารอาหารสำคัญที่มีในรังนกแท้ 
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างสารอาหารสำคัญที่มีในรังนกแท้ที่ดีต่อสุขภาพของพี่ๆ วัยเก๋า คงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก ‘นานะ’ NANA (N-Acetylneuraminic acid) เป็นสารในกลุ่มกรดไซอะลิค (Sialic Acid) ซึ่งพบมากที่สุดในรังนกแท้ มีสรรพคุณต่างๆ มากมายดังนี้
<ul>
<li>ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน</li>
<li>ช่วยป้องกันการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง</li>
<li>ช่วยส่งเสริมพัฒนาการรับรู้และสมอง</li>
<li>ช่วยบำรุงในเรื่องผิวพรรณ </li>
</ul>
เอกสารอ้างอิง
<ul>
<li>Ghosh S. Sialic acid and biology of life: An introduction. Sialic Acids and Sialo glycoconjugates in the Biology of Life, Health and Disease. 2020:1-61.</li>
<li>กระทรวงสาธารณสุข (2023). กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. "กรดไซอะลิค (Sialic Acid)" ในรังนก กรดดี…ที่มีประโยชน์. </li>
</ul>
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/10/Brand%20%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%81-04_0.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
รังนกแท้ มีปริมาณนานะมากกว่า 
หลังจากพี่ๆ ได้รู้ถึงประโยชน์ของนานะแล้ว รู้หรือไม่ว่า ปริมาณของนานะ พบมากที่สุดในรังนกแท้ มีงานวิจัยยืนยันว่า พบนานะมากถึง 37 มก. ในรังนกแท้ มากกว่าเนื้อเป็ด เนื้อหมู เนื้อปลาแซลมอน หรืออาหารปรุงสุกทั่วไป ดังนั้นปริมาณนานะในรังนก จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่ๆ มั่นใจได้ว่าจะได้รับประโยชน์จากนานะแบบเต็มๆ อย่างแน่นอน 
เอกสารอ้างอิง
<ul>
<li>Li H, Fan X. Quantitative analysis of sialic acids in Chinese conventional foods by HPLC-FLD. NANA analytical results in BBN. 2014;4(2):57-63.</li>
<li>ศศิธร ไข่แก้ว และคณะ. กระทรวงสาธารณสุข (2022). ระบบจัดการองค์ความรู้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. การทวนสอบวิธีวิเคราะห์และหาปริมาณกรดไซอะลิคในรังนกและผลิตภัณฑ์ โดย HPLC-DAD. </li>
</ul>
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/10/Brand%20%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%81-05_0.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
แบรนด์รังนกแท้ การันตีว่ามีนานะทุกขวด 
สำหรับแหล่งของนานะในรังนกที่ยังแฮปปี้อยากแนะนำ คือ ‘แบรนด์รังนกแท้’ ที่กล้าการันตีปริมาณของนานะในทุกขวดทุกสูตรเลยทีเดียว และนอกเหนือไปจากนั้น อย่างที่เกริ่นไปว่ารังนกยังมีสารอาหาร ทั้งกรดอะมิโน 16 ชนิด มี Zinc หรือ สังกะสี ที่มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย 


<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/10/Brand%20%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%81-06_0.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
เลือกรังนกแท้ 100% ต้องตรวจสอบได้ 
สำหรับพี่ๆ ที่ยังไม่มั่นใจว่ารังนกที่เลือกดื่มไปจะใช่รังนกแท้ไหม ข้อแนะนำง่ายๆ คือเลือกแบรนด์ที่ดูน่าเชื่อถือ มีบรรจุภัณฑ์ที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน และมีแหล่งผลิตชัดเจน อย่างเช่น ‘แบรนด์รังนกแท้’ ที่มีกระบวนการผลิตและตรวจสอบมากกว่า 150 ขั้นตอน ทั้งการตรวจเชื้อ ฆ่าเชื้อ มั่นใจได้ในความปลอดภัย โดยผ่านการตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจเอกลักษณ์เฉพาะรังนกแท้ FTIR (Fourier-transform infrared spectroscopy) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง ในการพิสูจน์คุณภาพความเป็นรังนกแท้ 100% ชนิดเดียวกับเครื่องตรวจเพชร และสำคัญมีการบอกปริมาณสารอาหารและนานะที่ชัดเจนบนฉลาก พี่ๆ จึงมั่นใจได้ว่าเป็นรังนกแท้ 100% แน่นอน

ชวนวัยเก๋ามาพิสูจน์ ‘รังนกแท้’ มีประโยชน์จริงไหม แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นของแท้

เชื่อว่าพี่ๆ หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีกับข้าวสารหรือข้าวสวย ที่มีเม็ดสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งก็คือข้าวที่ผ่านการขัดสีออกไปจนหมด แม้ว่าจะนุ่มเคี้ยวง่าย แต่คุณค่าทางอาหารก็ลดน้อยลงไปด้วย 
แต่รู้หรือไม่ว่า สารอาหารที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายนั้นมักอยู่บนผิวของข้าว ฉะนั้น ข้าวที่กินแล้วดีต่อสุขภาพ จึงเป็นข้าวที่ไม่ขัดสี หรือขัดสีน้อย และยิ่งถ้าเป็นข้าวที่มีสีเข้ม เช่น สีม่วง ดำ หรือแดง ก็จะเป็นข้าวที่มีคุณค่าทางอาหารสูง 
ยังแฮปปี้ และ ศาลานา จึงอยากชวนพี่ๆ ไปรู้จักกับ ‘แอนโทไซยานิน’ สารสีม่วงที่อยู่บนผิวของข้าวสีม่วงดำ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเหมาะกับพี่ๆ วัยเก๋า 
แอนโทไซยานิน พบได้ที่ไหน
แอนโทไซยานิน เป็นสารที่มีสีม่วงเข้ม ที่อยู่ในผลไม้และผักสีเข้มหลายชนิด เช่น องุ่นสีม่วงดำ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี หรือจะเป็นตระกูลผัก อย่างเช่น กะหล่ำปลีม่วง มะเขือม่วง ดอกอัญชัน และในข้าวสีเข้ม เช่น ข้าวหอมมะลิแดง และข้าวมะลินิลสุรินทร์ 
แอนโทไซยานิน ดีต่อวัยเก๋าอย่างไร
ก่อนอื่นพี่ๆ ต้องเข้าใจก่อนว่า อนุมูลอิสระ เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การกินอาหารไม่มีประโยชน์มากเกินไป ทำให้ร่างกายเผาผลาญมากขึ้น หรือการได้รับสารพิษจากทั้งอากาศ การติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ รวมไปถึงภาวะความเครียด ยิ่งมีอนุมูลอิสระมากเกินไปจนร่างกายต้านไม่ไหว อนุมูลอิสระก็จะเริ่มไปทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และนำไปสู่โรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคความดัน เบาหวาน หัวใจ และมะเร็งได้ 
ยิ่งพี่ๆ อายุมากขึ้น ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระก็ยิ่งลดน้อยลงไป ทำให้ต้องอาศัยตัวช่วย ด้วยการเน้นบริโภคอาหารที่มี แอนโทไซยานิน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย ลดการเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณแข็งแรง ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงสมอง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย เรียกว่าประโยชน์เพียบสำหรับวัยเก๋าเลยทีเดียว 
ตัวช่วยดีๆ ที่ให้ประโยชน์เต็มๆ จาก แอนโทไซยานิน 
อย่างที่บอกไปว่า แอนโทไซยานิน หาได้ง่ายๆ จากข้าวสีเข้ม แต่จะกินข้าวเยอะๆ เพื่อให้ได้ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่เพียงพอ พี่ๆ คงต้องกินข้าวจนพุงกาง และอาจได้คาร์โบไฮเดรตแบบเต็มๆ เหมือนกัน แต่ตอนนี้เรามีทางเลือกที่ดีกว่า สะดวกกว่า คือการดื่มน้ำข้าวพร้อมชง Antho-PLUS+ ที่มีประโยชน์จากสารแอนโทไซยานิน สกัดจากผิวข้าวมะลินิลสุรินทร์ที่มีสีม่วงเข้ม ปลูกด้วยวิถีธรรมชาติ ไร้สารเคมี เพียงแค่ฉีกซองเติมน้ำร้อน คนให้เข้ากัน ก็สามารถดื่มได้ทันที เสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายพี่ๆ แบบง่ายๆ ได้ทุกวัน

รู้จักสีม่วงจาก ผิวข้าวสีเข้ม มี แอนโทไซยานิน สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย

พี่ๆ เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมภาพจำของผู้สูงอายุ ต้องมีลักษณะภายนอกคืออาการ ‘หลังค่อม’ ด้วย ทั้งๆ ที่ผู้สูงอายุบางคนอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป 
เพราะอาการหลังค่อม เป็นเพียงอาการที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของพี่ๆ ที่ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไป เมื่ออายุมากขึ้นนั่นเอง 
ยังแฮปปี้ จึงอยากชวนพี่ๆ วัยเก๋ามาทำความรู้จักกับอาการหลังค่อมกันให้มากขึ้น พร้อมวิธีป้องกัน เปลี่ยนภาพจำให้ผู้สูงอายุไม่ต้องหลังค่อมอีกต่อไป 
ทำไมหลังจึงค่อม
เพราะร่างกายของมนุษย์เรามีการเสื่อมถอยลง หลังจากที่อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยความสูงของร่างกายจะลดลงครึ่งนิ้ว ในทุกๆ 10 ปี เนื่องจากการที่กระดูกสันหลังเกิดการยุบตัวลง หรือมีปัญหากระดูกพรุน ทำให้คุณภาพกล้ามเนื้อถดถอยลง ในส่วนของหลังจึงค่อมลงมา ในขณะที่อีกปัจจัยเกิดจากพฤติกรรมหรือบุคลิกภาพในการใช้ชีวิต เช่น การนั่งท่าที่ไม่เหมาะสมนานๆ หรือชอบก้มดูมือถือบ่อยๆ ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการหลังค่อมได้ โดยมากแล้ว การระบุว่าเป็นอาการหลังค่อมแน่นอน คือมีการโค้งงอผิดปกติที่กระดูกสันหลัง ประมาณ 45-50 องศาขึ้นไป 
หลังค่อมแล้วส่งผลอย่างไร
การหลังค่อม นอกจากทำให้บุคลิกภาพดูไม่สง่างามแล้ว ยังผลกระทบต่อสุขภาพไม่น้อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการถูกกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท หรือเกิดความเสี่ยงในการที่กระดูกสันหลังยุบหรือทรุดต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเวลาเดินในที่สุด เกิดความเสี่ยงต่อการหกล้มได้ รวมไปถึงการทำงานของปอดที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย เรียกว่ากระทบต่อคุณภาพการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมากทีเดียว 
หลังค่อม รักษาได้ไหม
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาอาการหลังค่อมหลากหลายวิธี ทั้งการทำกายภาพบำบัด การผ่าตัด การกินยา หรือกระทั่งการใช้อุปกรณ์เสริมในการช่วยรักษา แต่สำคัญที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดอาการหลังค่อม ด้วยการพยายามปรับท่านั่งให้เหมาะสม หลังต้องตรงและพิงกับพนัก พยายามไม่ก้มเล่นมือถือมากจนเกินไป โดยพยายามปรับเปลี่ยนอิริยาบททุกๆ 45 นาที รวมไปถึงปรับท่าการยืนตรงให้เป็นนิสัย โดยให้หัวไหล่และท้ายทอย สามารถชิดกำแพงได้แนบสนิท จึงจะเป็นท่ายืนที่ถูกต้อง เพื่อลดภาระของกระดูกสันหลัง 
ปรับเปลี่ยนภาพจำให้พี่ๆ วัยเก๋ามีบุคลิกสง่างาม ไม่ใช่วัยที่มีภาพลักษณ์หลังค่อมอีกต่อไป 
อ้างอิง
<a href="https://elderlysociety.com/humpback-in-elderly/" target="_self"><ins>https://elderlysociety.com/humpback-in-elderly/</ins></a>
<a href="https://www.youtube.com/watch?v=1gJWCw9-_nY" target="_self"><ins>https://www.youtube.com/watch?v=1gJWCw9-_nY</ins></a>
<a href="https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1103915" target="_self"><ins>https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1103915</ins></a>

ทำไมสูงวัยต้อง ‘หลังค่อม’ ลองเปลี่ยนภาพจำ ยืนสง่าทำเองได้

เวลาพี่ๆ ออกไปข้างนอกบ้าน มีไอเท็มหรือของใช้อะไรที่ต้องติดตัวตลอดบ้าง เชื่อได้เลยว่าหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ยาหม่อง’ ไอเท็มเด็ดสำหรับวัยเก๋านั่นเอง 

แต่พี่ๆ รู้หรือไม่ว่า ‘ยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว’ หนึ่งในยี่ห้อยาหม่องน้ำที่พี่ๆ น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีสูตรให้เลือกใช้ถึง 2 สูตร โดยที่ทั้งคู่ที่มีคุณสมบัติในการช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จุกเสียดแน่นท้อง และแมลงกัดต่อย เหมือนกัน แต่กลิ่นและความรู้สึกขณะใช้กลับไม่เหมือนกัน 

ยังแฮปปี้จึงอยากชวนไปทำความรู้จักกับความแตกต่างของ ยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว ทั้ง 2 สูตร ให้พี่ๆ ได้ตัดสินใจเลือกใช้ได้ตามความชอบกันเลย

สูตร 1 สูตรดั้งเดิม เหมาะสำหรับพี่ๆ ที่ชอบกลิ่นสมุนไพรแบบเข้มข้น
ด้วยสีเหลืองอำพันของตัวยาหม่องน้ำ คือสิ่งที่บ่งบอกถึงส่วนผสมของสมุนไพร โดยมีส่วนประกอบหลักคือ น้ำมันซินนาม่อน หรือน้ำมันอบเชย และโคลฟ-ออยล์ หรือน้ำมันกานพลู ผสมผสานเข้ากับน้ำมันเป๊ปเปอร์มิ้นท์ เมลทอล และการบูร จนออกมาเป็นกลิ่นสมุนไพรแบบเข้มข้น กระตุ้นพลังงานและการไหลเวียนของโลหิตให้กลับสู่ภาวะสมดุล ให้ความรู้สึกหนักแน่นแน่น ใช้เมื่อไรก็บรรเทา

สูตร 2 สูตรหอมละมุน เหมาะสำหรับพี่ๆ ที่ชอบกลิ่นหอมละมุน เย็นสดชื่น
ยาหม่องน้ำสีใส มีส่วนประกอบหลักคือเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ออยล์ เมนทอล และการบูร โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของส่วนประกอบหลักอย่าง น้ำมันซินนาม่อน และโคลฟ-ออยล์ ที่ผสานกลิ่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จนออกมาเป็นกลิ่นหอมละมุน ช่วยปรับสมดุลของสมองที่อ่อนล้าให้สดชื่นขึ้น ดมแล้วรู้สึกผ่อนคลาย แถมใช้เมื่อไรก็บรรเทาเช่นกัน 

และในปีนี้เซียงเพียวเขายังได้รับรางวัล แบรนด์ที่ได้รับความน่าเชื่อถือเป็นอันดับ 1 จากนิตยสาร BrandAge อีกด้วย เป็นยังไงกันบ้างกับยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว ทั้ง 2 สูตร พี่ๆ ชอบสูตรไหน อย่าลืมแวะมาคอมเมนต์บอกกันหน่อยจ้า

รู้จักยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว สูตร 1 และ สูตร 2 ไอเท็มช่วยบรรเทาสำหรับวัยเก๋า

พี่ๆ เคยสังเกตตัวเองไหม ว่าทำไมยิ่งอายุมาก กลับยิ่งชอบตื่นเช้าขึ้น ทั้งๆ ที่สมัยก่อน เป็นคนไม่ชอบตื่นเช้าสักเท่าไร 
รู้หรือไม่ว่า เหตุผลที่แท้จริง เพราะไม่ใช่พี่ๆ อยากตื่นเช้าขึ้น แต่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายของพี่ๆ เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สามารถนอนได้น้อยลง คุณภาพการนอนลดลง ทำให้ร่างกายถูกบังคับให้ต้องตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และไม่สามารถนอนต่อได้นั่นเอง 
ยังแฮปปี้ชวนพี่ๆ ไปหาคำตอบว่า เพราะเหตุผลอะไร ที่ทำให้พี่ๆ ตื่นเช้า แม้ไม่อยากตื่น 
สูงวัยกับร่างกายเปลี่ยนแปลงไป
สำหรับเหตุผลอย่างแรกที่พี่ๆ ต้องเข้าใจ คือเมื่อกาลเวลาผ่านไป ร่างกายก็เสื่อมถอยลงไปเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะการผลิตฮอร์โมนต่างๆ ที่ผลิตได้น้อยลง อย่างเช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง ที่ส่งผลให้เกิดการปัสสาวะตอนกลางคืน หรือในผู้ชายที่กระเพาะปัสสาวะที่ทำงานเสื่อมลง ทำให้ปวดปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยๆ และต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ส่งผลให้การนอนหลับไม่เต็มอิ่ม 
สูงวัยมีการหลับลึกน้อยลง
มีงานวิจัยบอกว่า ผู้ชายอายุ 16–83 ปี ระยะเวลาการนอนโดยเฉลี่ยจะลดลงไป 27 นาทีในทุกๆ สิบปี และที่สำคัญคือช่วงเวลาหลับลึก หรือ REM sleep หายไปเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้เวลาตื่นมารู้สึกอ่อนเพลีย หรือบางครั้งอาจทำให้ไม่อยากนอนต่อ นอกจากนั้น จุดสังเกตที่ชัดเจนคือ พี่ๆ ผู้สูงอายุจะเข้านอนไว แต่ตื่นเช้าขึ้นมากลับรู้สึกไม่สดใส เรียกว่าใช้เวลานอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน แต่กลับเป็นการนอนที่ไม่มีคุณภาพนั่นเอง 
สูงวัยต้องใส่ใจการนอน
ไม่ว่าจะอายุมากเท่าไร หรือร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มนุษย์เราทุกคนต่างต้องการการนอนพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงอยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่พี่ๆ ต้องใส่ใจการดูแลคุณภาพการนอนให้มากขึ้น ด้วยการกินอาหารที่เป็นประโยชน์ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น หากมีการงีบหลับในเวลากลางวัน ก็ไม่ควรเกิน 20 นาที ที่สำคัญคือพยายามกำหนดเวลาในการนอนให้ตรงเวลา หลีกเลี่ยงการเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนนอน ก็จะช่วยให้พี่ๆ มีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้น ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วรู้สึกสดใสไปทั้งวัน 
อ้างอิง
<a href="https://ngthai.com/science/49149/wakeupearly-old/" target="_self"><ins>https://ngthai.com/science/49149/wakeupearly-old/</ins></a>
<a href="https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3142094/#R111" target="_self"><ins>https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3142094/#R111</ins></a>
<a href="https://thestandard.co/elderly-people-sleepless/" target="_self"><ins>https://thestandard.co/elderly-people-sleepless/</ins></a>

ยิ่งอายุมาก ทำไมยิ่งตื่นเช้าขึ้น แท้จริงแล้ว อาจไม่ได้อยากตื่นเช้า แต่ร่างกายสูงวัยอาจเปลี่ยนไป?

เชื่อว่าพี่ๆ หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับเครื่องดื่มอย่าง ‘น้ำข้าว’ 
เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของผู้คนในสมัยก่อน ซึ่งเกิดจากการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ หรือการหุงข้าวบนเตาถ่าน โดยการนำเมล็ดข้าวไปต้มในน้ำจนเดือด เมื่อข้าวเริ่มสุกจึงค่อยๆ รินน้ำออกจนกว่าข้าวจะเริ่มแห้ง ซึ่งน้ำที่รินออกนี่เอง คือ น้ำข้าว เครื่องดื่มที่สุดแสนจะมีประโยชน์ เพราะมีคุณสมบัติเป็นยาเย็น คลายความร้อนและบรรเทาโรคได้ พร้อมทั้งมีวิตามินอี ช่วยบำรุงร่างกายได้ เรียกว่าเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่มาเหนือกาลเวลาจริงๆ 
แต่ปัจจุบันการหุงข้าวเช็ดน้ำกลับไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป เพราะการเข้ามาของหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่เพียงแค่เสียบปลั๊กก็ได้ข้าวหอมๆ ไว้รับประทานแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาคอยรินน้ำออก แน่นอนว่าทำให้เครื่องดื่มน้ำข้าว ก็ได้หายไปพร้อมๆ กับความสะดวกสบายเช่นกัน ในปัจจุบันจึงเป็นเครื่องดื่มที่หาดื่มได้ยากนั่นเอง 
สำหรับพี่ๆ คนไหนที่อยากจะย้อนเวลา กลับไปดื่มน้ำข้าวเพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย ก็ไม่ต้องเสียเวลามาหุงข้าวแบบเช็ดน้ำอีกต่อไป เพราะยังแฮปปี้อยากแนะนำให้พี่ๆ รู้จักกับ น้ำข้าวอินทรีย์ Antho-PLUS+ (แอนโทพลัส) น้ำข้าวแบบชงร้อน ที่มาในรูปแบบซอง สามารถหยิบมาชงได้ง่าย เพียงแค่ฉีกซอง เติมน้ำร้อน ก็สามารถดื่มได้ทันที 
และที่สำคัญคือคุณประโยชน์มาเต็มๆ เพราะแอนโทพลัสเป็นน้ำข้าวอินทรีย์ที่มีค่า PH สูง เมื่อดื่มแล้วจะทำให้สบายท้อง เพราะน้ำข้าวจะเข้าไปเคลือบกระเพาะ รู้สึกอยู่ท้อง อิ่มนาน แถมย่อยง่ายกว่าการกินอาหารมื้อปกติ นอกจากนั้นคือประโยชน์ที่ได้รับจากสารแอนโทไซยานิน ที่มีอยู่ในข้าวสีเข้ม ช่วยต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบและชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้อีกด้วย 
สำหรับพี่ๆ คนไหนที่อยากหวนกลับมาสุขภาพดี ด้วยคุณประโยชน์จากน้ำข้าว ภูมิปัญญาจากอดีตในรูปแบบใหม่ ต้องลองเปิดใจให้กับแอนโทพลัสกันดูนะจ๊ะ

ชวนวัยเก๋าย้อนความทรงจำ หาประโยชน์จาก ‘น้ำข้าว’ เครื่องดื่มสุขภาพที่มาเหนือกาลเวลา

พี่ๆ คิดว่า การออกกำลังกายประเภทไหน ง่ายและประหยัดที่สุด เชื่อว่าส่วนใหญ่พี่ๆ ต้องตอบว่า ‘การเดิน’ อย่างแน่นอน เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและมีต้นทุนต่ำที่สุดนั่นเอง 
ยังแฮปปี้ และ เซียงเพียว อยากจะชวนพี่ๆ วัยเก๋า ไปทำความรู้จักกับประโยชน์ของการเดิน เพื่อคลายข้อสงสัยว่า ทำไม ‘การเดิน’ จึงเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับวัยเก๋า 

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/04/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7_content-03.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

เดินดี ไม่ต้องมีต้นทุน
พี่ๆ หลายคนอาจคิดว่า การออกกำลังกาย จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เช่น การวิ่งก็จำเป็นต้องมีรองเท้าที่คอยซัพพอร์ต เล่นเปตองก็ต้องมีลูกเปตอง แต่สำหรับ ‘การเดิน’ เรียกว่าเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่ไม่มีต้นทุนเพิ่มเลย เพราะพี่ๆ สามารถสวมใส่รองเท้าคู่เดิมเดินได้แบบสบายๆ ส่วนเสื้อผ้าก็สวมใส่ชุดปกติได้เลย หรือถ้าหากพี่ๆ อยากให้การเดินสะดวกสบายมากขึ้นก็สามารถเลือกใส่รองเท้าที่มีความกระชับ และสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ก็ช่วยให้พี่ๆ เดินได้ดีมากขึ้นนั่นเอง 

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/04/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7_content-04.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

เดินบ่อย ดีต่อสุขภาพ
สำหรับการเดินนั้น ถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีต่อร่างกายไม่ต่างจากการออกกำลังกายประเภทอื่นเลย เพราะการเดินมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนั้นการเดินยังมีส่วนช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร โดยเฉพาะการเดินหลังมื้ออาหาร 15 นาที จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้ และที่สำคัญการเคลื่อนไหวข้อต่างๆ ด้วยการเดินบ่อยๆ จะช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบได้ รวมถึงช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ปลอดภัยจากโรคกล้ามเนื้อลีบอีกด้วย 

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/04/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7_content-05.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

เดินมาก ระวังปวดเมื่อย 
ถึงแม้การเดินจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพอย่างไร แต่พี่ๆ ผู้สูงอายุก็จำเป็นต้องระมัดระวังการเดินให้ปลอดภัยและเหมาะสม โดยเริ่มต้นเดินวันละ 15 นาทีต่อวัน และค่อยๆ เพิ่มเป็น 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ไม่ควรหักโหมจนเกินไป อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บกล้ามเนื้อได้ 
แต่ถ้าหากพี่ๆ เกิดอาการปวดเมื่อย จากการเดินในช่วงวันแรกๆ ก็สามารถใช้ SIANGPURE RELIEF CREAM เซียงเพียวรีลีฟครีม ครีมบรรเทาอาการปวดเมื่อย ทาบริเวณกล้ามเนื้อที่ปวดได้ เนื้อครีมซึบซาบเร็ว ไม่เหนี่ยวเหนอะหนะ และตัวยายังออกฤทธิ์นานด้วยส่วนประกอบหลักจากธรรมชาติอย่าง เมทิลซาลิไซเลต (น้ำมันระกำ) มากกว่า 12% นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของโคลฟ-ออยล์ ช่วยเสริมฤทธิ์คลายปวดเมื่อยได้ดี สามารถใช้ทาได้ทั้งก่อนและหลังเดิน เพื่อช่วยบรรเทากล้ามเนื้อให้ผ่อนคลาย พี่ก็สามารถเดินได้สบายหายห่วง

ทำไม ‘การเดิน’ จึงเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับวัยเก๋า

รู้หรือไม่ว่า ยิ่งอายุมากขึ้น สารอาหารในร่างกายที่มีส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงก็ยิ่งลดน้อยลงไป พี่ๆ วัยเก๋าและทุกๆ วัยจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ว่า มีสารอาหารใดบ้างที่ลดน้อย จากเราไป เพื่อที่จะได้เติมกลับมาให้สมบูรณ์

ยังแฮปปี้จึงอยากชวนพี่ๆ มาทำความรู้จักกับ ‘สารคาร์โนซีน’ สารอาหารที่กำลังเป็น ที่พูดถึงมากในปีนี้ แต่เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเจ้าสารนี้มีประโยชน์อย่างไร และหาได้จากที่ไหน

เพราะสารคาร์โนซีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยชะลอความชรา ป้องกันอัลไซเมอร์ได้ บำรุงสมอง แถมยังเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงได้อีกด้วย ประโยชน์มาเต็มขนาดนี้ ลองไปทำความรู้จักกับเจ้าสารอาหารนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/03/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99-03.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
 ยิ่งอายุมาก ยิ่งต้องใส่ใจสารอาหาร
ร่างกายของเราจะสามารถทำงานได้ตามปกติ มีปัจจัยคือสารอาหารต่างๆ ที่มาจากการที่ร่างกายผลิตขึ้นมาได้เอง และมาจากอาหารต่างๆ ที่เรากินเข้าไปแล้วดูดซึมให้ร่างกายนำไปใช้นั่นเอง แต่พี่ๆ รู้หรือไม่ว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งต้องอาศัยการบำรุงจากสารอาหารต่างๆ มากเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป สารอาหารที่เคยผลิตได้เองก็ลดน้อยลง เพราะฉะนั้นแล้ว จึงจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกิน และเรียนรู้จักสารอาหารที่สำคัญมากขึ้น

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/03/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99-04.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
 รู้จักคาร์โนซีน สารอาหารสำคัญสำหรับวัยเก๋า
หนึ่งในสารอาหารสำคัญที่วัยเก๋าและทุกๆ วัยต้องทำความรู้จักนั่นก็คือ ‘สารคาร์โนซีน’ ซึ่งเป็นสารประกอบไดเปปไทด์ (Dipeptide) เป็นหน่วยย่อยของโปรตีนที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองตามธรรมชาติ โดยพบที่สมอง กล้ามเนื้อ และส่วนอื่นๆ ในร่างกาย แต่จะลดน้อยลงไปเมื่ออายุมากขึ้น ทั้งนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะสามารถรับเพิ่มเติมได้จากเนื้อสัตว์ อย่างเช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู และเนื้อวัวได้ แต่จะไม่พบคาร์โนซีนในพืชผักผลไม้


<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/03/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99-05.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
 คาร์โนซีนดีต่อสุขภาพสมอง ยืนยันด้วยผลวิจัยรับรอง
ส่วนคุณสมบัติของสารคาร์โนซีน มีการวิจัยแล้วพบว่าดีต่อสุขภาพของทุกวัย เพราะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ยิ่งในช่วงอายุที่มากขึ้น จะช่วยชะลอความชราของเซลล์ ช่วยบำรุงสมองให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มสมาธิและการจดจ่อ เพิ่มความจำระยะยาว ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองส่วนหน้า และมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Alzheimer's Disease* เมื่อปี 2016 โดยนักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นได้ทดลองในกลุ่มอาสาสมัครอายุ 60-78 ปี จำนวน 39 คน ให้รับสารคาร์โนซีนติดต่อกัน 3 เดือน โดยผลลัพธ์ยืนยันว่า สารคาร์โนซีนเข้ามาฟื้นฟูสมองของผู้สูงอายุที่กำลังเสื่อมถอย โดยเฉพาะในส่วนของ Verbal Memory ความจำจากการได้ยิน หรือการอ่านตัวหนังสือ ด้วยการช่วยยับยั้งการลดลงของการไหลเวียนของเลือด บริเวณสมองส่วนหลังได้อีกด้วย


<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/03/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99-06.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
 รับสารคาร์โนซีนทุกเช้า ดูดซึมได้ดีที่สุด
การรับสารคาร์โนซีนในช่วงเช้าพร้อมกับมื้อแรกของวันเป็นสิ่งที่พี่ๆ ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ดีและนำไปใช้ได้ตลอดทั้งวัน และวิธีที่จะช่วยในการดึงสารคาร์โนซีนออกจากเนื้อสัตว์ได้ดี นั่นคือการนำเนื้อสัตว์ไปตุ๋น ไปต้ม หรือนำไปผ่านกระบวนการสกัดที่มีการผ่านความร้อนและความดัน หรือสะดวกกว่านั้น คือการเลือกทานในรูปแบบซุปไก่สกัดเข้มข้น ที่มีสารคาร์โนซีน เพื่อให้ร่างกายได้รับคาร์โนซีนแบบเต็มๆ และแนะนำว่าควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมการทำงานของสมองให้เต็มประสิทธิภาพในทุกวัน


<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/03/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99-07.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
 หมั่นเติมคาร์โนซีนทุกวัน ให้สมองยังแข็งแรง
แน่นอนว่าการที่พี่ๆ วัยเก๋าและทุกๆ วัย จะมีสุขภาพดีได้ ต้องรู้จักสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เลือกกินอาหารอย่างเข้าใจให้ครบ 5 หมู่ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วย และไม่ลืมที่จะหมั่นเติมคาร์โนซีน เพื่อให้สมองยังคงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ

*อ้างอิง <a href="https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/26682691/" target="_self">https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/26682691/</a>&nbsp;

รู้จัก ‘คาร์โนซีน’ สารอาหารสำคัญ ช่วยบำรุงสมองให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

การเริ่มต้นดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และการรับประทานผลไม้ก็เป็นส่วนสำคัญ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร พี่ๆ วัยเก๋าหลายท่านคงคุ้นเคยดีกับ แอปเปิ้ล กล้วย มะละกอ มะม่วง ผลไม้พื้นบ้านของเรา แต่อาจจะมีบางท่านที่ยังไม่รู้จักกับผลไม้ที่มีชื่อว่า ‘อาซาอิ’ 
วันนี้ยังแฮปปี้พาพี่ๆ วัยเก๋ารู้จักกับผลไม้ที่มีชื่อว่า ‘อาซาอิ’ หรือ ‘อาไซอิ’ เป็นผลไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็น Super Food พบได้มากในอเมริกากลางและอเมริกาใต้กันบ้าง ลักษณะเป็นปาล์มที่สูงและมีใบ เปลือกของผลไม้ชนิดนี้มีสีม่วงเข้ม รสชาติคล้ายแบล็กเบอร์รีผสมรสขม ผลมีลักษณะกลมขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตรเท่านั้นเอง ในปัจจุบันมักใช้จำหน่ายเป็นเครื่องดื่มหรือปั่นใส่โบลว์ทานคู่กับผลไม้อื่นๆ 
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/01/acai%20berry-03_0.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

เจ้าผลไม้เล็กจิ๋วนี้ เหมาะกับวัยเก๋าอย่างไร เพราะมอบสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ส่งเสริมสุขภาพสมองและสร้างระบบป้องกันอนุมูลอิสระในสมอง บางงานวิจัยแสดงให้เห็นว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีอยู่ในอาซาอิเบอร์รี่อาจมีผลดีต่อสุขภาพสมองและความจำของพี่ๆ ผู้สูงอายุอีกด้วย 
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2024/01/acai%20berry-04_0.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

ชาวพื้นเมืองมักใช้ผลอาซาอิมาทำขนม เครื่องดื่มและไวน์ เพราะการนำผลสดๆ ของอาซาอิมารับประทานนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ในปัจจุบันจึงนิยมนำมาทำให้แห้ง บดเป็นผง หรือนำอาซาอิมาแช่แข็ง เพื่อง่ายต่อการขนส่งและลดปัญหาเรื่องคุณค่าทางอาหารของอาซาอิที่อาจลดลงได้ในระหว่างการขนส่ง 
หากพี่ๆ วัยเก๋าต้องการเลือกซื้ออาซาอิเบอร์รี่ต้องพิจารณาเลือกซื้อด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในท้องตลาดอาซาอิเบอร์รี่จะถูกนำเข้ามาด้วยการแช่แข็งหรือบดมาเป็นผง ก่อนที่จะนำมาจำหน่ายในบ้านเรา สิ่งที่พี่ๆ สามารถทำได้คืออ่านรายการส่วนผสมในผลิตภัณฑ์นั้นอย่างละเอียด ไม่ควรมีสารเสริมหรือวัตถุกันเสียที่ไม่เกี่ยวข้อง สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของอาซาอิว่าได้รับการผลิตในสภาพที่ถูกต้อง ได้รับการทดสอบคุณภาพหรือมีการรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือได้ก็จะเป็นสัญลักษณ์ที่ดี ไม่ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ราคาต่ำกว่าราคามาตรฐานในท้องตลาดมากจนเกินไปและสามารถติดต่อบริษัทนั้นๆ ได้ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมหากมีข้อสงสัย เพียงเท่านี้ พี่ๆ ก็สามารถเลือกซื้ออาซาอิเบอร์รี่ที่มีคุณภาพและปลอดภัย ได้รับประโยชน์จากการกินผลไม้ชนิดนี้ได้อย่างสบายใจ 
อ้างอิง
<a href="https://krua.co/cooking_post/acai-berries" target="_self"><ins>https://krua.co/cooking_post/acai-berries</ins></a>
<a href="https://shorturl.at/lMT37" target="_self"><ins>https://shorturl.at/lMT37</ins></a>

สุขภาพ