พี่ๆ เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมภาพจำของผู้สูงอายุ ต้องมีลักษณะภายนอกคืออาการ ‘หลังค่อม’ ด้วย ทั้งๆ ที่ผู้สูงอายุบางคนอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
เพราะอาการหลังค่อม เป็นเพียงอาการที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของพี่ๆ ที่ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไป เมื่ออายุมากขึ้นนั่นเอง
ยังแฮปปี้ จึงอยากชวนพี่ๆ วัยเก๋ามาทำความรู้จักกับอาการหลังค่อมกันให้มากขึ้น พร้อมวิธีป้องกัน เปลี่ยนภาพจำให้ผู้สูงอายุไม่ต้องหลังค่อมอีกต่อไป
ทำไมหลังจึงค่อม
เพราะร่างกายของมนุษย์เรามีการเสื่อมถอยลง หลังจากที่อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยความสูงของร่างกายจะลดลงครึ่งนิ้ว ในทุกๆ 10 ปี เนื่องจากการที่กระดูกสันหลังเกิดการยุบตัวลง หรือมีปัญหากระดูกพรุน ทำให้คุณภาพกล้ามเนื้อถดถอยลง ในส่วนของหลังจึงค่อมลงมา ในขณะที่อีกปัจจัยเกิดจากพฤติกรรมหรือบุคลิกภาพในการใช้ชีวิต เช่น การนั่งท่าที่ไม่เหมาะสมนานๆ หรือชอบก้มดูมือถือบ่อยๆ ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการหลังค่อมได้ โดยมากแล้ว การระบุว่าเป็นอาการหลังค่อมแน่นอน คือมีการโค้งงอผิดปกติที่กระดูกสันหลัง ประมาณ 45-50 องศาขึ้นไป
หลังค่อมแล้วส่งผลอย่างไร
การหลังค่อม นอกจากทำให้บุคลิกภาพดูไม่สง่างามแล้ว ยังผลกระทบต่อสุขภาพไม่น้อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการถูกกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท หรือเกิดความเสี่ยงในการที่กระดูกสันหลังยุบหรือทรุดต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเวลาเดินในที่สุด เกิดความเสี่ยงต่อการหกล้มได้ รวมไปถึงการทำงานของปอดที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย เรียกว่ากระทบต่อคุณภาพการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมากทีเดียว
หลังค่อม รักษาได้ไหม
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาอาการหลังค่อมหลากหลายวิธี ทั้งการทำกายภาพบำบัด การผ่าตัด การกินยา หรือกระทั่งการใช้อุปกรณ์เสริมในการช่วยรักษา แต่สำคัญที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดอาการหลังค่อม ด้วยการพยายามปรับท่านั่งให้เหมาะสม หลังต้องตรงและพิงกับพนัก พยายามไม่ก้มเล่นมือถือมากจนเกินไป โดยพยายามปรับเปลี่ยนอิริยาบททุกๆ 45 นาที รวมไปถึงปรับท่าการยืนตรงให้เป็นนิสัย โดยให้หัวไหล่และท้ายทอย สามารถชิดกำแพงได้แนบสนิท จึงจะเป็นท่ายืนที่ถูกต้อง เพื่อลดภาระของกระดูกสันหลัง
ปรับเปลี่ยนภาพจำให้พี่ๆ วัยเก๋ามีบุคลิกสง่างาม ไม่ใช่วัยที่มีภาพลักษณ์หลังค่อมอีกต่อไป
อ้างอิง
https://elderlysociety.com/humpback-in-elderly/
Share this article