โดย ทิพถวิล (สินธุเสน) ชาตาคม
เชื้อในที่นี้ ถึงจะเกิดขึ้นในโรงพยาบาลเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เชื้อโควิด เอดส์ หรือซิฟิลิสหรอกค่ะ แต่เป็นเชื้อ 'สุดยอดนักร้อง(เรียน)' ของดิฉันเองแหละ ที่ตกทอดมาถึงลูกสาวคนเดียวอย่างน่าภาคภูมิใจแกมน่าเป็นห่วงอนาคตว่า อาจไม่มีโรงพยาบาลไหนรับรักษาเหมือนแม่! ก็คงเป็นเพราะเขาได้เห็นพฤติกรรมของดิฉันเวลาพาคุณยายไปหาหมอจนซึมเข้ากระแสเลือด พอต้องประสบเหตุการณ์ที่คล้ายกันก็เลยดำเนินรอยตามดิฉันไปโดยอัตโนมัติ
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อคุณพ่อเพื่อนเขาป่วย จนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล 'บานไม่รู้โรย' หนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในเรื่องการบริการเป็นเลิศและค่ารักษาพยาบาลที่บานเป็นเลิศกว่า! และเนื่องจากเพื่อนเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการพาพ่อแม่เข้าโรงพยาบาล ลูกสาวดิฉันจึงต้องเป็นธุระในเรื่องต่างๆ ให้ตลอดเวลาที่เข้ารับการรักษา รวมถึงการตรวจรายละเอียดใบแจ้งหนี้ ซึ่งเขาเลียนแบบดาราได้ดีกว่าต้นฉบับจริงๆ
คือนอกจากจะเช็คอย่างละเอียดจนเจ้าหน้าที่การเงินมึนแล้ว ยังทักท้วงรายการที่คิดค่าใช้จ่ายเกินจริงไปอย่างไม่เกรงใจอีกด้วย แต่ทางโรงพยาบาลก็ไม่แพ้กันเพราะยืนกรานกระต่ายขาเดียว ว่าคนไข้จะต้องจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไม่ขาดแม้สตางค์แดงเดียว มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ออกจากโรงพยาบาล แต่คิดหรือว่ามุขนี้จะทำให้ลูกสาวดิฉันหงอยได้... น้อยไปละสิ
เขาตอบเจ้าหน้าที่การเงินคนนั้นไปว่า “ไม่ให้ออกก็ดีซิคะ นอนที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ห้องก็สบ้าย สบาย ได้ประหยัดแอร์ที่บ้านด้วย ขอบคุณมากนะคะ”
ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวรีบหอบแฟ้มหนีไปทันที และหลังจากนั้นไม่นานทางโรงพยาบาลก็ได้ปรับปรุงค่าใช้จ่ายให้ตามที่ลูกสาวแจ้งไป... ไม้นี้คุณผู้อ่านจะจำไปใช้บ้างก็ไม่สงวนสิทธิ์ แต่ต้องแน่ใจว่าเขาคิดเงินเกินจริงนะคะ
จะว่าไปเรื่องนี้คงต้องยกต้องยกความดีให้สายเลือดทางพ่อเขาเหมือนกัน เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาไปทดลองขี่อูฐที่เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ และแขกเจ้าเล่ห์ได้ให้เขาลิงโลดปีนขึ้นไปขี่ด้วยราคาเพียง 1 เหรียญ
แต่พอเขาจะลงอาบังบอกว่า “ถ้าจะลงต้องจ่ายอีก 1 เหรียญ“ สามีดิฉันเลยลงนอนบนหลังอูฐและหัวเราะเสียงดังบอกว่า “งั้นก็จะนอนบนนี้แหละ ถ้าจะให้ลงเอามา 2 เหรียญแล้วกัน!” ปรากฏว่าไอ้... เอ้ย! อาบังรีบให้ลงแทบไม่ทัน และคงเลิกใช้ไม้นี้ไปอีกนาน นี่เองเป็นที่มาของภาษิตใหม่ที่ว่า
“ถ้าเห็นงูกับแขก ให้ตีแขกก่อน แต่ถ้าเห็นแขกกับสามีดิฉันให้ตีสามีดิฉันก่อน”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า **ผู้ป่วยมีสิทธิ์ที่จะทักท้วงค่ารักษาพยาบาลหากเห็นว่ามีรายการใดที่ไม่เหมาะสม** ส่วนโรงพยาบาลจะยินยอมหรือไม่ก็แล้วแต่เทคนิคในการทักท้วงของผู้ป่วยแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนตัวซึ่งสามารถลอกเลียนแบบได้เจ้าค่ะ
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ
____________
***เรื่องนี้ได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือโดยแพรวสำนักพิมพ์ ใช้ชื่อว่า ‘ร้องเรียนเป็นรวยได้’ เพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ มิใช่เพื่อประโยชน์ในการหาเงินจากการร้องเรียนแต่อย่างใด
Share this article