โดย ทิพถวิล (สินธุเสน) ชาตาคม
ดิฉันอยากบอกคุณผู้อ่านว่า **นักร้องเรียนที่ดีจะไม่ร้องเรียนเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น แต่ถ้าได้พบเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือยุติธรรมในสังคม เราจะต้องไม่เพิกเฉยเป็นอันขาด... ถึงแม้จะทำให้ชีวิตขาดความสงบสุขไปบ้าง แต่ถ้ามันจะสามารถสร้างสรรค์สังคมหรือเปลี่ยนแปลงอะไรในทางที่ดีขึ้น ก็น่าจะเสียสละเวลาสักนิด** จริงไหมคะ
ทีนี้ลองมาดูหลายประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในชีวิตการร้องเรียนอันยาวนานของดิฉัน แต่เนื่องจากเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จึงขอถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านได้รับทราบในแบบผสมผสาน (Medley) เป็นเรื่องเดียวแล้วกันนะคะ
เช้ามืดวันหยุดขณะที่ทุกคนในบ้านกำลังนอนหลับสบาย ดิฉันก็พลันต้องสะดุ้งตื่นด้วยเสียงประกาศทางลำโพงของบริการส่งตรงถึงบ้าน (Delivery) ซึ่งมีหลากหลายมาก และทยอยกันมาทุก 15 นาที ดังต่อไปนี้
1. “ขยะคร้าบขยะ” บริการของเขต ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายคนและส่งเสียงดังราวกับกำลังออกทัพจับศึก!
2. “ปลาทูจ้า..ปลาทู ตัวอ้วนๆ สดๆ จ้า ปลาทู” เจ้านี้ใช้เสียงตัวเอง แต่ดังไม่ต่างจากลำโพง
3. “มีกุ้ง มีปลาหมึก มีหอย” ประกาศแค่นี้จริงๆ เลยไม่รู้แค่มาอวดว่าตัวเองมีอะไรหรือมาชวนซื้อ
4. “กับข้าวมาแล้วจ้ะ กับข้าว หมู ไก่ ผัดสด มีหมด กับข้าวจ้ะ” อันนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย
5. “ก๋วยเตี๋ยวหลอด ซาลาเปา ทำเอง ร้อนๆ จ้า” อยากกินที่คนอื่นทำอ่ะ
6. “ซื้อหาลองกอง ซื้อหามะม่วง ซื้อหาลำไย” ตกลงจะมาขายหรือตัวเองมาซื้อหากันแน่ สงสัยตกภาษาไทย
7. “เฉาก๊วยมั้ยครับ เฉาก๊วย หวานๆ นุ่มๆ แก้เจ็บคอ แก้ร้อนใน” มาถึงของหวานแล้วนะ แต่เจ้านี้ประกาศยังไงก็ให้อภัยเพราะคนขายหน้าตาออกแนวพระเอกเกาหลี
8. “ตูตู๊ตู่ ตูตู๊ตู่ ตู่ตู่ตูตู๊ตู” ไม่ใช่สินค้าประหลาดอะไรหรอกค่ะ แต่เป็นเสียงทำนองเพลงของไอศกรีม 'เวร' ซึ่งมาพร้อมกับเสียงหมาหอนลั่นทั้งซอย!
9. “ซื้อโอ่ง ซื้ออ่าง ซื้อกระถางไม้ครับ” เอากะเขาซิ โอ่งยังมา Delivery เลย! แถมบนรถเขามีทุกอย่างทั้ง ต้นไม้ ดิน ปุ๋ย ฯลฯ ราวกับยกจตุจักรมาไว้ที่นี่
10. “รับตัดต้นไม้ ลับมีดครับ” ซื้อเสร็จก็มีคนรอลับมีดตัดให้เลยแหละ
11. “ไม้กวาดจ้ะ ไม้กวาด” ประกาศแค่นี้แต่บนรถเขามีสารพัดของใช้ในบ้านค่ะ
12. “มีขวด มีกระดาษมาขายๆ” งงอีกแล้วว่าใครจะขายใครจะซื้อกันเนี่ย
13. “รับซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่านะครับ โทรทัศน์เก่า ตู้เย็นเก่า วิทยุเก่า รับซื้อนะครับ” เจ้านี้ก็มาทุกวัน ทำไมถึงคิดว่าของที่บ้านดิฉันมันจะเก่าได้เก่าดีขนาดนั้น
14. “รับทำมุ้งลวดจ้า มุ้งลวดเก่า มุ้งลวดขาด รับทำนะจ๊ะ” นี่ก็เหมือนกันมุ้งลวดอะไรมันจะขาดรายวัน(วะ)?
เป็นอันว่าดิฉันไม่สามารถข่มตานอนต่อไปได้ ต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงลุกขึ้นมาพลางคิดในใจว่า “ตกลงจะไม่ให้กรูออกจากบ้านไปไหนเลยใช่ไหม ถึงได้ Delivery กันตั้งแต่ลูกมะดัน ยันโอ่ง หรือจะให้ซ้อมทำตัวแบบ ออง ซาน ซูจี ที่เรียกร้องจนต้องอยู่ในบ้านเป็นสิบๆ ปี”
ใจหนึ่ง (ภาคซาตาน) ก็อยากจะแล่นถลาลงไปก่นด่าทุกคนให้รู้ว่า **การใช้เครื่องขยายเสียงประกาศขายของบริเวณที่อยู่อาศัยนั้นผิดกฎหมาย** โดยเฉพาะในวันหยุดราชการหรือเวลาที่ชาวบ้านกำลังนอนหลับพักผ่อน
แต่อีกใจหนึ่ง (ภาคนางฟ้า) ก็เห็นใจว่าพวกเขาต้องทำมาหากิน ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเขาจะขายของได้อย่างไร คิดแล้วก็พยายามยกโทษให้โหลนึง คือ 12 รายในจำนวนทั้งหมด 14 ราย แต่มีอยู่ 2 ราย ที่จำเป็นต้องจัดการ
รายแรกก็หมายเลข 1 นั่นแหละค่ะ เนื่องจากเป็นหน่วยงานราชการที่ควรจะปฏิบัติกับประชาชนด้วยความสุภาพไม่ใช่มาตะโกนโหวกเหวกตั้งแต่ไก่ยังฝันอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตะโกนบอกใครว่า “ขยะๆ” ในเมื่อทุกคนยังนอนอยู่และถังขยะก็วางอยู่หน้าบ้านทุกหลังแล้ว ถ้าใครไม่รู้จักเอามาวางไว้ทั้งที่รู้ว่าเขาจะเก็บขยะวันไหนก็ปล่อยให้นอนจมกองขยะไปก็หมดเรื่อง
นอกจากตะโกนเรื่องขยะแล้วยังตะโกนบอกทางคนขับรถคันใหญ่คับซอยให้ “ถอยๆ ซ้าย ขวา จอดๆ ถอย อีกๆ พอ!” ตลอดเวลาร่วม 2 ชั่วโมง ควบคู่ไปกับเสียงโยนถังขยะขึ้นลงรถอย่างไม่ปรานีปราศรัย ราวกับจะแกล้งปลุกพวกเจ้าของบ้านทั้งหลายด้วยความอิจฉาที่ไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดมาทำงานเหมือนพวกเขา
ดิฉันเลยติดต่อไปที่เขตส่วนงานรักษาความสะอาดและบรรยายพฤติกรรมข้างต้นให้เขาฟัง และพอถึงเทศกาลปีใหม่ก็เอาเงินใส่ซองให้คนขนขยะทุกคนพร้อมกับขอร้องให้เขาลดเสียงลงหน่อย ปรากฏว่าได้ผลค่ะ เดี๋ยวนี้ดิฉันไม่ต้องตื่นเพราะเสียงรถขยะอีกเลย...
ส่วนอีกรายก็คือรถขายไอศกรีม 'เวร' ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะเสียงเพลงที่เป็นสัญลักษณ์ของเขามันไปรบกวนโสตประสาทของน้องหมาทั้งหลาย หรือเพราะมีแม่นากซ้อนท้ายคนขับมาด้วย หมามันถึงได้หอนรับกันเป็นทอดๆ ตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย เรียกว่าถ้าคนกลัวผีมีหวังได้หัวโกร๋นซ้ำซ้อนแน่ เพราะเจ้าคันนี้ชอบมาเอาต้อนโพล้เพล้เสียด้วย!
ความจริงดิฉันก็ไม่เดือดร้อนเท่าไร และทนฟังมานานหลายปี แต่ต้องลุกขึ้นมาร้องเรียนก็ตอนที่เอาคุณแม่มาอยู่ที่บ้านและท่านมักจะนอนหลับพักผ่อนตอนบ่ายแก่ๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโหยหวนของน้องหมาทำให้ท่านตกใจกลัวว่าปอบผีฟ้ากำลังออกอาละวาด!
ดิฉันจึงจัดการโทรไปที่ Call Center ของไอศกรีม 'เวร' แล้วก็ได้รับทราบว่า มีคนโทรมาร้องเรียนแล้วหลายราย เห็นไหมคะ แสดงว่าน้องหมาที่อื่นเขาก็ออกอาการเหมือนกัน ดิฉันบอกเขาว่า “ช่วยเสนอให้ผู้บริหารเปลี่ยนเพลงได้ไหมคะ เป็น 'Jingle Bells' หรือ 'สามัคคีชุมนุม' ก็ได้ ประเทศชาติเรายิ่งขาดความสามัคคีอยู่ด้วย” แต่เขาบอกว่า “เปลี่ยนไม่ได้จริงๆ ค่ะพี่ เพราะเป็นเอกลักษณ์ของเขา"
เอกลักษณ์ที่มีหมาเป็นนักร้องประสานเสียง (Chorus) เนี่ยนะ... แถมยังมีเสียงชาวบ้านด่าตามหลังเป็นลูกคู่อีก... ดิฉันว่าถ้าเปลี่ยนเพลงน่าจะขายดีกว่านี้ แถมเจ้าคนขายยังขี่รถเร็วราวกับกำลังอยู่ในสนามแข่งรถกรังปรีซ์ (Grand Prix) บางครั้งดิฉันนึกอยากกินรีบคว้ากระเป๋าสตางค์ แต่พอวิ่งไปถึงหน้าบ้าน พ่อเจ้าประคุณไปเกือบถึงหน้าปากซอยแล้ว เลยไม่รู้ว่าจะมาแข่งรถหรือขายไอศกรีมกันแน่ อย่างไรก็ตาม ทาง Call Center บอกว่า “เราช่วยได้ด้วยการบอกให้พนักงานขายปิดเสียงเพลงเวลาเข้าไปในซอยที่มีสุนัขเยอะๆ ค่ะ”
และหลังจากนั้นไม่นาน แม่นาคก็คงโดนจับใส่หม้อถ่วงน้ำไปเรียบร้อย ดิฉันจึงไม่ได้ยินเสียงหมาหอนอีก ยังความสงบสุขให้ประชาชนในซอยทั้งหมดเป็นเวลานาน แต่ถ้าใครจะไม่มีคนมาเก็บขยะหรือพลาดการซื้อไอศกครีม เพราะไม่ได้ยินเสียงเพลงก็คงต้องไปร้องเรียนกันเอาเองนะคะ
จนกระทั่งถึงหน้าหาเสียง เพราะพวกว่าที่ ส.ส. ทั้งหลายท่านก็ทำตัวไม่ได้ต่างจากพ่อค้าแม่ขาย คือมาแต่เช้าเหมือนกัน และประกาศดังลั่นซอยว่า
“เบอร์ 5 ครับ เบอร์ 5 ผมหน้าหนากว่าใคร โปรดเลือกไว้เป็นผู้แทน” หรือไม่ก็ “เบอร์ 6 หก ครับ เบอร์ 6 สอบตกแน่ๆ” แต่เบอร์ 7 คงเข็ดไปแล้ว เพราะไม่เห็นมาขอคะแนนอีก
ส่วนบ้านดิฉัน ถึงแม้จะหมดมลพิษทางหูจากบริการ Delivery แต่ก็ยังไม่เหงาเท่าไร เพราะเพื่อนบ้านรั้วติดกันยังคงหมกมุ่นซ้อมเปียโนตั้งแต่เช้ายันค่ำ ราวกับวิญญาณ 'บีโธเฟ่น' (Beethoven) เข้าสิง หรือไม่ก็จะลงแข่งแชมป์โลก
เอ่อ... แต่กรณีนี้ดิฉันต้องอดกลั้นที่จะไม่ร้องเรียนค่ะ เพราะกลัวเขาจะหาว่าเป็นพวก “ไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก!”
Share this article