โดย นายแพทย์พิเชฐ แสงทองศิลป์

ถ้าจู่ๆ ข้อนิ้วของคุณมีอาการปวดบวม กดเจ็บทันที หรือปวดบวมไปทั้งนิ้ว เหยียดนิ้วแล้วปวดมาก ต้องอยู่ในท่างอนิ้วตลอดเวลา อยู่เฉยๆ ก็ปวด ขยับใช้งานยิ่งปวด!

คุณเริ่มสงสัยได้แล้วว่าอาจมีอาการ 'นิ้วล็อค' ถ้าปล่อยทิ้งไว้ จะหายเองไหม หรือหายากินก่อนดี ผมขอแนะนำว่า รีบปรึกษาแพทย์เถอะ

ทำไมหรือครับ เพราะอาการนี้ชัดเจนว่า ไม่น่าจะใช่นิ้วล็อค เนื่องจากอาการปวดบวมเฉียบพลัน ถ้าเป็นเฉพาะที่ข้อนิ้ว บวมไปทั้งข้อ เราต้องสงสัยว่าจะเป็นโรคข้อนิ้วอักเสบเฉียบพลัน และถ้ายิ่งปวดบวมทั้งนิ้ว เหยียดแล้วปวดมาก อยู่เฉยๆ ก็ปวด ขยับยิ่งปวด ก็อาจเป็นโรค 'เยื่อหุ้มเอ็นนิ้วติดเชื้ออักเสบเฉียบพลัน' ซึ่งเป็นภาวะเร่งด่วน ควรได้รับการรักษาจากแพทย์ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้อาการจะแย่ขึ้นได้

แล้วแบบไหนล่ะ ที่สงสัยว่าเป็นนิ้วล็อค?

โรคนิ้วล็อค จริงๆ แล้วเป็นโรคเรื้อรังที่ค่อยๆ เป็นจนเราไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่ทำงานใช้มือมาก และใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อาการจะเริ่มจากปวดบริเวณฝ่ามือ ตรงข้อโคนนิ้ว จากนั้นความปวดจะค่อยๆ สะสมจากน้อยๆ ห่างๆ เป็นมากขึ้นๆ และถี่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใช้งานแล้วปวด พอพักการใช้ก็พออยู่ได้

แต่ถ้าอักเสบมากขึ้น เริ่มกดเจ็บที่ฝ่ามือบริเวณข้อโคนนิ้ว ให้สงสัยว่าเป็นโรคนิ้วล็อค ระยะที่ 1 คือ เริ่มมีปลอกหุ้มเอ็นที่โคนนิ้วฝ่ามืออักเสบจนทำให้กดแล้วเจ็บ

การดูแลตัวเอง พักการใช้งาน กินยาแก้ปวดทั่วไป แต่ถ้าไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

เพราะถ้าปล่อยไว้ ปลอกหุ้มเอ็นจะอักเสบเรื้อรัง และหนาตัวขึ้น ทำให้ช่องปลอกเอ็นแคบลง เอ็นนิ้วถูกบีบรัด จนมีอาการนิ้วติดแล้วดีดออก แสดงว่ากำลังเป็นระยะที่ 2 คือ งอนิ้วได้ปกติแต่เหยียดแล้วสะดุดติด ต้องดีดออก ถ้าเป็นขั้นนี้ ต้องพบแพทย์เพื่อรับการรักษาไม่ให้นิ้วติดมากขึ้น


หากปล่อยทิ้งไว้ต่อไป และยังใช้งานมือมากเหมือนเดิม ปลอกหุ้มเอ็นจะอักเสบหนาเพิ่มขึ้น ช่องเอ็นจะยิ่งแคบลง บีบรัดเอ็นจนบวม นิ้วติดมากขึ้นทำให้ต้องงัดเหยียดออก ไม่สามารถดีดออกเองได้ กลายเป็นระยะที่ 3

อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 ระยะนี้ เรายังรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยวิธีดังนี้

- ใช้ยาลดอักเสบ(NSAIDs) ทั้งยากิน ยาทา

- พักการใช้งาน โดยการใส่ที่พยุงนิ้ว

- กายภาพบำบัดด้วยช็อคเวฟ (shockwave therapy) ซึ่งต้องทำต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นที่อักเสบเรื้อรัง

- ฉีดยาลดอักเสบที่ปลอกหุ้มเอ็น ซึ่งได้ผลดีแต่แนะนำให้ฉีดโดยแพทย์เฉพาะทาง หรือแพทย์ที่มีประสบการณ์


ถ้าถึงระยะที่ 3 แล้วยังไม่ได้รักษา และยังใช้งานมือมากอย่างต่อเนื่อง นิ้วจะล็อคติดแน่นขึ้นจนเหยียดไม่ออก งัดก็ไม่ค่อยออก เข้าสู่ระยะรุนแรงที่สุด คือ ระยะที่ 4 และอาจจะมีนิ้วอื่นล็อคเพิ่มด้วย

มีหลายเคสที่นอกจากนิ้วล็อคแล้ว ยังมีอาการมือชาร่วมด้วย นี่คืออาการของพังผืดทับเส้นประสาทมือ ซึ่งสามารถพบร่วมด้วยในคนที่ใช้งานมือมากเป็นระยะเวลานานๆ

ระยะที่ 4 นี้ จะไม่ค่อยมีทางเลือกแล้ว ต้องพิจารณารักษาโดยการผ่าตัดเลาะพังผืดปลอกหุ้มเอ็นที่รัดนิ้วออก เป็นการผ่าตัดเล็ก ทำได้โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ ข้อดีคือ ผ่าเสร็จแล้วกลับบ้านได้

การผ่าตัดจะพิจารณาในเคส ดังนี้

- ระยะรุนแรงที่นิ้วติดล็อคมาก

- ผ่านการรักษากินยา กายภาพบำบัด ฉีดยาแล้ว ยังกลับเป็นซ้ำหลายครั้ง

จากประสบการณ์ ถ้าฉีดยาลดอักเสบ อาการจะดีขึ้นได้หลายเดือน บางรายพอกลับไปใช้งานมือมาก อาจกลับมาเป็นซ้ำจนต้องฉีดยาอีกรอบ และวนลูปเดิมจนฉีดยาไปได้สัก 3 ครั้ง ระยะเวลาหายจะสั้นลง ถ้าเป็นแบบนี้ถือว่าอาการมากแล้ว ควรพิจารณาผ่าตัด

มาถึงตรงนี้ คงจะเข้าใจอาการของโรคนิ้วล็อคแล้วนะครับว่าเป็นโรคเรื้อรัง ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้งานมือมากๆ เป็นเวลานาน เริ่มต้นด้วยอาการปวดฝ่ามือ บริเวณข้อโคนนิ้ว พอเป็นมากขึ้นนิ้วจะล็อคจนต้องดีดออก ถ้ารุนแรงขึ้นก็ต้องงัดนิ้วที่ล็อคออก ซึ่งอาการหนักที่สุด คือ ข้อนิ้วติดล็อคเหยียดไม่ได้เลย

การรักษา: ต้องพักการใช้งาน ใส่ที่พยุงนิ้ว กายภาพบำบัดด้วยช็อคเวฟ กินยา ฉีดยา ถ้าอาการหนักมากๆ หรือรักษาไม่หาย ยังคงเป็นซ้ำเรื่อยๆ ควรพิจารณาผ่าตัด

ถ้าคุณหรือคนที่คุณห่วงใยมีอาการแบบนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาจะได้ไม่ปวด และใช้งานนิ้วมือได้อย่างปกติตลอดไปครับ