โดย นายเเพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์
ก่อนหน้านี้เราพูดถึง 5 ข้อ ห้ามปฏิบัติกันไปแล้ว คราวนี้ เราจะมาพูดถึง 5 ข้อที่ต้องปฏิบัติบ้าง
1.ต้องเน้นกินพืชผักผลไม้
อันที่จริงพืชผักและผลไม้เป็นอาหารตามวิถีดั้งเดิมของมนุษย์ก่อนอาหารชนิดอื่น โดยสัดส่วนที่แนะนำคือครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ แต่ต้องเน้นผักผลไม้ที่ไม่หวานจัด และไม่ผ่านความร้อนหรือการปรุงสุก เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายวิตามิน เอนไซม์ และสารต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นยา หากทำได้ทุกมื้อก็จะเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะเลยทีเดียว
2.ต้องกินข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีและยังมีจมูกข้าวเหลืออยู่
เพราะจะทำให้ได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรลดปริมาณข้าวและคาร์โบไฮเดรตลงตามลำดับ เนื่องจากจริงๆ แล้ว ข้าวและคาร์โบไฮเดรตไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แต่วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้เราหันมาบริโภคข้าวและคาร์โบไฮเดรตจนเกิดความเคยชิน และกลายเป็นการบริโภคเกินความจำเป็น
3.ต้องออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที
ที่สำคัญคือต้องออกกำลังกายในระดับที่เหงื่อออก หัวใจเต้นแรงถึงขั้นหอบหายใจ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับพิษออกหลายๆ ทาง ระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองจะทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองถือเป็นระบบป้องกันโรคที่สำคัญของมนุษย์ นอกจากนั้น ขณะที่หอบหายใจ ร่างกายจะเอาอากาศออกจากปอดได้ทั้งหมด ทำให้อากาศที่อยู่ในปอดสะอาดและมีปริมาณออกซิเจนสูง
ผลดีของการออกกำลังกายแบบแอโรบิกคือ
- ช่วยให้โกรทฮอร์โมนและคอเลสเตอรอลชนิดดีเพิ่มขึ้น รวมทั้งทำให้คอเลสเตอรอลตัวร้ายและไตรกลีเซอร์ไรด์ต่ำลง
- ปอดและหัวใจจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ระบบกล้ามเนื้อและกระดูกทำงานได้ดีขึ้น
- ระบบหมุนเวียนเลือดและน้ำเหลืองทำงานดีขึ้น
- กลุ่มอาการเมตาโบลิกซินโดรมดีขึ้นทุกโรคอย่างชัดเจน
- อารมณ์แจ่มใส คลายเครียด นอนหลับได้ดีขึ้น
- ภูมิต้านทานโรคดีขึ้น
4.ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามหลับให้สนิท
ช่วงที่ดีที่สุดคือ 22.00-02.00 น. เนื่องจากช่วงดังกล่าวร่างกายจะผลิตเมลาโทนินออกมา ฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เราง่วง และพอหลับสนิท ร่างกายก็จะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาอีกตัวหนึ่ง ฮอร์โมนตัวนี้ถ้าเป็นเด็กจะทำให้เจริญเติบโตเร็ว ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะทำให้มีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของการนอนหลับสนิทแบบหลับลึก
- ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็มที่
- ร่างกายสามารถสร้างสารอาหารที่จำเป็นเพื่อเก็บไว้ใช้ได้ดีขึ้น
- ภูมิคุ้มกันโรคจะได้รับการฟื้นฟูขณะหลับสนิท
5.ต้องมีจินตนาการเชิงบวก
การจินตนาการในสิ่งที่ดีช่วยให้เรามีความสุข สุขภาพดี และแข็งแรง เพราะร่างกายมักจะเป็นตามที่เราคิด ถ้าเราเครียดร่างกายก็จะอ่อนแอตามไปด้วย
ประโยชน์ของจินตนาการเชิงบวก
- ทำให้ชีวิตมีความสุข
- ทำให้อารมณ์แจ่มใส
- การจินตนาการเชิงบวกเกี่ยวกับสุขภาพ ส่งผลให้ร่างกายหายจากโรคได้ การวิจัยพบว่าจิตใต้สำนึกของเรามีผลต่อร่างกายโดยตรง
สุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกคนมีศรัทธาต่อชีวิต มีความหวัง เพราะแม้จะป่วยด้วยโรคร้าย แต่ถ้าเราเชื่อว่าเราจะหาย มีพลัง มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามวิธีที่ถูกต้องอย่างจริงจัง เราก็มีโอกาสหายจากโรคที่เป็นอยู่ได้ครับ
Share this article