ปี 2565 นี้ เป็นโอกาสที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ยังแฮปปี้ กิจการเพื่อสังคม ผนึกกำลังร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม ‘สว.บุรี' งานผู้สูงอายุแห่งชาติแบบออนไลน์ เพื่อต้อนรับผู้สูงวัยสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 ในรูปแบบออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom และถ่ายทอดสดผ่าน Facebook live ของเพจ สสส.และ ยังแฮปปี้ YoungHappy ทั้งนี้มีผู้ร่วมงานเป็นพี่ๆ วัยเก๋าหัวใจแอคทีฟจากทั่วประเทศเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
สว.บุรี งานผู้สูงอายุแห่งชาติแบบออนไลน์ จัดขึ้นตามความมุ่งมั่นของ ยังแฮปปี้ และ สสส. ที่มุ่งพัฒนาสังคมสูงวัยให้มีคุณภาพ พร้อมรับมือกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยความหมายของสว.บุรี เป็นการเปรียบเทียบกับการเดินทางที่ต้องการให้พี่ๆ วัยเก๋าเดินทางเข้าสู่สถานีผู้สูงอายุสมบูรณ์ในอนาคต ทั้งนี้สว.บุรี ไม่ใช่เป็นการเดินทางสู่สถานีสุดท้าย แต่เป็นการเดินทางเข้าสู่สถานีถัดไป ที่ยังแฮปปี้และ สสส.จะจับมือร่วมเดินทางไปกับพี่ๆ วัยเก๋าทั่วประเทศที่เป็นประชากร 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ให้เข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ได้อย่างมั่นใจ
ภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมงของงาน อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมน่าสนใจ ทั้งการประกาศผลผู้เข้าร่วมประกวดภาพถ่าย โครงการ 'ภาพของฉัน ความฝันไม่เคยเก่า' กิจกรรมสุดพิเศษ ‘ปลดล็อกศักยภาพวัยเก๋า’ กับทีมงานยังแฮปปี้ และเวทีเสวนา 'มองโลก มองเรา สังคมสูงวัยจะเป็นอย่างไร' เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจาก 3 ตัวแทนขององค์กรที่ทำงานด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ได้แก่ คุณณัฐพล เทศขยัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. คุณประสาน อิงคนันท์ ผู้ร่วมก่อตั้งเพจ มนุษย์ต่างวัย และคุณธนากร พรหมยศ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ยังแฮปปี้ จำกัด เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้สูงอายุในไทยและทั่วโลก รวมถึงวิธีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้สูงอายุทั้งในฐานะหน่วยงานและลูกหลานที่อยากให้สังคมสูงวัยไทยได้เดินทางเข้าสู่สถานีถัดไปอย่างมั่นใจและมั่นคง

สำหรับการเสวนาในประเด็นแรก เป็นการแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวทางการสนับสนุนผู้สูงอายุของทั้งสามตัวแทน โดยคุณณัฐพล ได้อธิบายถึงภาพรวมการทำงานของ สสส. ในปีที่ผ่านมาว่าได้มีกิจกรรมเกี่ยวกับผู้สูงอายุมากมาย มีการเปิดตัว ‘เกษียณคลาส’ คลาสเรียนออนไลน์ที่ทำคู่กับยังแฮปปี้ เพื่อพัฒนาศักยภาพส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดช่วงวัยของผู้สูงอายุควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดี ติดอาวุธให้ผู้สูงอายุได้เรียนรู้เรื่องที่จะช่วยให้เป็นผู้สูงวัยที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพ อาทิ การมีสุขภาวะที่ดี การออกกำลังกาย บริโภคอาหาร ทักษะการใช้เทคโนโลยี การรู้เท่าทันสื่อ สิทธิต่างๆ ของผู้สูงอายุ เป็นต้น
ด้านคุณธนากร ตัวแทนจากยังแฮปปี้ ได้กล่าวขอบคุณและแสดงความยินดีกับพี่ๆ วัยเก๋าทุกคน ที่มีโอกาสได้เดินทางเข้าสู่วัยเกษียณ ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของการใช้ชีวิต “ยังแฮปปี้ก็เปรียบเหมือนลูกหลานที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีความสุข แม้กระทั่งตัวเราเองก็เหมือนกันที่มองไปด้านหน้าว่าในวันหนึ่งที่เราเป็นวัยเกษียณ เราจะมีพี่ๆ วัยเก๋าเป็นบทเรียนเป็นต้นแบบให้พวกเราได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป” คุณธนากรกล่าว นอกจากนี้ยังได้กล่าวต่อไปถึงกรอบการทำงานใหม่ของหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุว่า แม้ในปัจจุบัน WHO ได้มีการปรับคำใหม่ให้กว้างขึ้น จากเดิม Active Aging เป็น Healthy Aging ที่ตรงกับคำว่ามีสุขภาพวะที่ดี หรือ Well-being ของ สสส. แต่ไม่ว่าคำหรือกรอบการทำงานจะเปลี่ยนไปแต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุคือความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข พึ่งพาตัวเองได้ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีอันเป็นบทบาทสำคัญที่ยังแฮปปี้ตั้งใจจะพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีให้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุต่อไป ด้วยความเชื่อว่าการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างมีคุณภาพและรู้เท่าทันจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงวัยได้

ในส่วนของเพจที่ต้องการเชื่อมรอยต่อระหว่างคนสองวัยอย่างมนุษย์ต่างวัย คุณประสานกล่าวถึงสิ่งที่อยากส่งต่อให้สังคมผู้สูงวัยว่า "เวลาเราพูดถึงสังคมสูงวัยเราจะไม่ได้พูดถึงแค่สังคมของผู้สูงอายุแต่เป็นสังคมของคนทุกวัยเพราะว่าเราต้องอยู่ร่วมกัน มนุษย์ต่างวัยจึงให้ความสำคัญกับมุมมองและทัศนคติเพราะเป็นตัวกำกับความคิดและพฤติกรรมให้อยากจะเท่าทันโลก อยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากรับฟังความคิดเห็นของคนต่างช่วงวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน ถึงแม้เราจะมีอายุยืนยาวแต่เราไม่มีมุมมองทัศนคติที่ดีต่อตัวเอง บางทีมันไม่มีความสุขเพราะเราต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วย” คุณประสานกล่าว ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า สิ่งที่มนุษย์ต่างวัยทำคือการเชียร์อัพให้ผู้สูงอายุมีแรงบันดาลใจในการมีชีวิตมีความสุข อยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงเป็นกระบอกเสียงให้คนในวัยอื่นๆ เข้าใจผู้สูงอายุ ยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน
สำหรับคำถามในประเด็นต่อมา ถึงสถานการณ์ของผู้สูงอายุทั่วโลก คุณณัฐพลได้กล่าวถึงสถานการณ์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทั้งโดยสมบูรณ์หรือบางประเทศก็ระดับสุดยอดไปแล้วอย่างเช่น ญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อย้อนกลับมามองที่ประเทศไทยจะพบว่า ประเทศไทยมีเวลาเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่ประเทศสังคมสูงวัยสมบูรณ์น้อยกว่าประเทศอื่นๆ คือไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยในปี 2548 และขยับมาเรื่อยเรื่อยในปัจจุบัน นับช่วงเวลาได้เพียง 20 ปี ในขณะที่ประเทศอื่นใช้เวลาเข้าสู่สังคมสูงอายุสมบูรณ์อยู่ที่ 50-70 ปี จึงอยากย้ำให้หน่วยงานรัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต้องมาเตรียมรับมือว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ในเรื่องของการดูแล การดึงครอบครัวมามีส่วนร่วม การเตรียมความพร้อมที่จะเป็นผู้สูงวัย รวมถึงการสร้างพื้นที่สาธารณะในประเทศจะเอื้อให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างสะดวกและปลอดภัยอย่างไร

ส่วนของยังแฮปปี้ที่ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีของผู้สูงวัย คุณธนากรได้นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีของผู้สูงอายุไว้ว่า ความต้องการของคนวัยเกษียณนั้นไม่ได้ต่างไปจากความต้องการของช่วงวัยอื่น คือต้องการใช้ชีวิต พึ่งพาตัวเองได้ แต่ด้วยปัจจัยทางเวลา ที่ทำให้ความสามารถด้านการใช้เทคโนโลยีอาจจะเสื่อมถอยลงตามอายุ เลยทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีเป็นเรื่องยาก คุณธนากรได้ยกประโยชน์ของเทคโนโลยีในปัจจุบันที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ เช่น แอปพลิเคชันเตือนกินยา หรือเทคโนโลยีป้องกันการลื่นล้ม เทคโนโลยีสามารถพัฒนาได้เรื่อยจึงอยากให้มองว่าเทคโนโลยีเปรียบเสมือนเพื่อนของผู้สูงวัย สามารถเลือกคบได้ ไม่ต้องกังวล และรับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มันพัฒนาขึ้น
ทางด้านคุณประสาน จากมนุษย์ต่างวัย ก็ได้เล่าถึงกิจกรรมที่ตนกำลังทำ อย่าง พอดแคสต์ ‘มนุษย์ต่างแดน’ เพื่อเล่าเกี่ยวกับเรื่องของผู้สูงวัยในต่างแดนเพื่อให้เห็นว่าจริงๆ ปัญหาสังคมผู้สูงวัยนี้เกิดขึ้นเหมือนกันทั่วโลก เช่น ผู้สูงวัยเพศชายในญี่ปุ่นที่อยู่ตัวคนเดียว ก็จะพบปัญหาอยู่คนเดียวและเสียชีวิตลำพังในบ้านที่เมืองโกเบ เมื่อเห็นปัญหานี้เลยชวนผู้สูงอายุโดยเฉพาะเฉพาะเพศชายรวมกลุ่มทำขนมปัง เพื่อออกมาใช้ชีวิตให้มีอาชีพ มีสังคม ได้มีอาชีพ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากสสส. ชื่อว่า ‘วัยนี้วัยดี’ ที่เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยไหนก็เป็นวัยที่ดี เป็นโครงการที่ชวนผู้สูงอายุมาเรียนรู้การทำธุรกิจ สร้างแบรนด์เพื่อสร้างสังคมให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับที่คุณณัฐพล จากสสส. ที่ตอบคำถามในประเด็นว่ามีเป้าหมายอยากเห็นผู้สูงอายุในประเทศเป็นอย่างไร "เป้าหมายของสสส. ตอนนี้คือทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุยังแอคทีฟ ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับสังคมอย่างเต็มศักยภาพและมีชุดกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและใจของผู้สูงอายุ เช่น การออกกำลังกายหรือการเล่นดนตรี ซึ่งมีตัวอย่างวงดนตรีสูงวัยที่ประสบความสำเร็จและสสส.ให้การสนับสนุนอยู่ คือวงดนตรีเบนเน็ตตี้ รุ่นที่หนึ่งถึงสาม ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัด สสส.ก็จะเข้าไปช่วยสร้างให้เกิดความเข้มแข็งของชมรมหรือโรงเรียนผู้สูงอายุในการเปิดพื้นที่ที่ให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งนี้ในช่วงโควิดอาจทำให้การจัดกิจกรรมแบบออนไซต์ลำบาก ก็ต้องมีการปรับให้เป็นการทำกิจกรรมแบบออนไลน์แบบที่ยังแฮปปี้เริ่มไว้"
ในประเด็นเดียวกันนี้ คุณธนากรได้เล่าถึงเป้าหมายของยังแฮปปี้กับสังคมของผู้สูงอายุว่า “คำว่าแก่จริงๆ ต้องหมดไป เพราะคำว่าแก่มันเป็นเพียงตัวเลขที่เรากำหนดขึ้นมา อายุเป็นเพียงตัวเลขที่บอกว่าเราอยู่บนแผ่นดินนี้มากี่ปี แต่จริงๆ แล้วไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต พฤติกรรมลักษณะนิสัยต่างๆ คือตัวที่กำหนดเรา ยังแฮปปี้เป็นเหมือนบูสเตอร์ที่คอยกระตุ้นให้พี่ๆ วัยเก๋ายังแอคทีฟเรื่องเทคโนโลยีพยายามที่จะทำให้รู้สึกว่าเทคโนโลยีไม่ได้น่ากลัวแล้วก็ไม่ได้เป็นปัญหา เราอยากให้มองมันเป็นเพื่อน อาจจะเป็นเพื่อนที่เราไม่คุ้นชิน แต่เราจะรู้จักเขายังไง เราจะเลือกคบเพื่อนคนไหน และยังแฮปปี้ก็จะพาพี่ๆ ข้ามสะพานเทคโนโลยีให้เป็นเพื่อนไปด้วยกัน” นี่คือเป้าหมายที่คุณธนากรแลกเปลี่ยน
ด้านเป้าหมายของคุณประสาน เจ้าของเพจมนุษย์ต่างวัยที่ขับเน้นเรื่องทัศนคติ ก็กล่าวถึงเป้าหมายของมนุษย์ต่างวัยที่ต้องการจะพัฒนาสังคมผู้สูงอายุต่อไปว่า จะพยายามแนะนำวิธีคิด เปลี่ยนทัศนคติเชิงบวกกับผู้สูงอายุเรื่องของชีวิตวัยเกษียณ ทำให้ผู้สูงอายุมีความภูมิใจในชีวิตตัวเอง เปิดใจกว้างเรียนรู้สิ่งใหม่และออกแบบได้ว่าจะมีชีวิตอย่างไรในโลกที่เปลี่ยนแปลงจากรูปแบบชีวิตเดิมๆ เช่น ในวันผู้สูงอายุที่จะมาถึงนี้นอกจากการรอให้ลูกหลานมาเยี่ยม ก็เป็นโอกาสดีที่วัยเกษียณจะได้พิจารณาตัวเองถึงช่วงวัยที่ผ่านมาและออกแบบชีวิตในอนาคต คุณประสานกล่าวว่า “บางคนคิดว่าวัยเกษียณ เราไม่ต้องทำอะไรแล้ว แค่อยู่เฉยๆ แต่จริงๆ แล้วเรายังสามารถออกแบบชีวิตต่อไปได้ อาจจะไม่ใช่ชีวิตที่หวือหวาเหมือนวัยหนุ่มสาวแต่ก็เป็นชีวิตที่เหมาะสมกับเรา วัยเกษียณไม่ใช่ช่วงท้ายของชีวิตแต่เป็นอีกช่วงหนึ่งของชีวิตเท่านั้นเอง เพราะเช่นนั้น เราจะทำอะไร เราก็ทำให้ตรงกับชีวิตที่เราอยากได้”

ในช่วงท้ายของการเสวนา ตัวแทนทั้งสามท่านได้ฝากข้อเสนอสิ่งที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้สูงอายุทั่วประเทศ โดยคุณณัฐพล จากสสส. ก็ได้เชิญชวนให้ผู้สูงอายุออกมาทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำ และส่งต่อแบ่งปันความสุขให้กับเพื่อนๆ สูงวัยคนอื่นต่อไป ด้านคุณประสาน มนุษย์ต่างวัย ก็เล่าถึงประสบการณ์การพบเจอผู้สูงอายุมากมาย ที่อายุไม่เป็นอุปสรรคต่อความคิด ความฝัน และชวนให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ คุณประสานย้ำว่า การได้ใช้ชีวิตในทุกๆ วัน ทำกิจวัตรประจำวันอยู่ที่บ้านก็เป็นเรื่องที่มีคุณค่าแล้ว ทั้งต่อตัวเองและอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบตัวโดยเฉพาะลูกหลานได้ ปิดท้ายด้วยเสียงจากคุณธนากร จากยังแฮปปี้ที่กล่าวไว้ว่า "ยังแฮปปี้ก็เหมือนลูกหลานที่ไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากเห็นพ่อแม่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง พึ่งพาตัวเองได้ ใช้เทคโนโลยีเป็น และมีทัศนคติในการใช้ชีวิตอยู่ได้ในสังคมได้แบบยังแฮปปี้"
Share this article