พี่ๆ เคยเจอปัญหา โหลดแอปฯ เก็บไว้ในเครื่องจำนวนมากแล้วหาไม่เจอบ้างไหม หรือบางครั้ง ดาวน์โหลดมาเก็บไว้จนลืม พอถึงเวลาอยากจะใช้แอปฯ นั้นๆ ปรากฏว่าจำไม่ได้ ต้องมานั่งเปิดดูว่าแอปนี้ไว้ทำอะไร



ยังแฮปปี้และ dtac จึงขอแนะนำเคล็ดลับจัดระเบียบของแอปฯ ในเครื่อง ให้เหมือนการเก็บของไว้ในกล่อง แยกประเภท แยกสิ่งที่ใช้ทุกวัน ให้โทรศัพท์มือถือของพี่ๆ เป็นระเบียบ สะอาดตา แถมเลือกใช้ก็ง่าย สะดวกสบาย และรู้ด้วยว่าแอปฯ นี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง ลองไปดูวิธีกันเลย



ตั้งชื่อโฟลเดอร์ (Folder) ที่สื่อและเกี่ยวข้องกับแอปฯ



1.กดแอปที่เราต้องการ ค้างไว้
2.ลากไปทับแอปฯ ประเภทเดียวกัน
3.เพียงเท่านี้ เราก็ได้ 'โฟลเดอร์' หรือหมวดหมู่ใหม่ขึ้นมาแล้ว
*เทคนิคการจำ กด > แช่ > ลาก > วาง 



การเปลี่ยนชื่อ 'โฟลเดอร์'



Android 
เลือก ’โฟลเดอร์’ ที่ต้องการเปลี่ยน โดยไปแตะที่ชื่อเดิม หากปรากฏหน้าคีย์บอร์ดขั้นมา แสดงว่าสามารถเปลี่ยนชื่อที่ต้องการได้ทันที
iPhone หรือ iPad
ให้ทำการแตะค้าง จะปรากฏเมนู ให้เราเลือก 'เปลี่ยนชื่อ' หรือกดเข้าโฟลเดอร์ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ และกดค้างไว้ จนกระทั่งมีเครื่องหมาย – ที่ไอคอนแอปฯ เข้าไปเลือกที่ชื่อโฟลเดอร์และทำการเปลี่ยนชื่อได้เลย
*โทรศัพท์บางรุ่นอาจมีการตั้งชื่อโฟลเดอร์มาให้แล้ว แต่พี่ๆ ก็สามารถเปลี่ยนชื่อใหม่ตามสไตล์วัยเก๋าได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น
·      แอปฯ ใช้งานบ่อย
·      ธนาคาร
·      เกมส์ 
·      ดูหนัง ฟังเพลง
·      สมุดบันทึก
·      แต่งรูปภาพ
·      แผนที่นำทาง
·      ซื้อของออนไลน์
·      อื่นๆ ตามที่จดจำได้ง่าย





เทคนิคการค้นหาแอปฯ 



เราเรียนรู้เทคนิคการเก็บแล้ว แต่ใช้ไปนานๆ จำไม่ได้ว่าเก็บไว้ในโฟลเดอร์ไหน เพียงแค่พี่ๆ จำชื่อแอปฯ ได้ ก็ค้นหาได้ง่ายๆ แล้ว เพียงปัดหน้าจอ ลงหรือขึ้น ขึ้นอยู่กับโทรศัพท์ของพี่ๆ เมื่อพบช่อง 'ค้นหา' ด้านบน ให้พิมพ์ชื่อแอปฯ ที่ต้องการเช่น ไลน์ หรือ LINE (ขึ้นอยู่กับการตั้งภาษาว่าเป็นไทยหรืออังกฤษ) กรณีค้นหาแล้วไม่เจอ ให้ลองสลับภาษาดู เช่นค้นหาด้วยภาษาไทยแล้วไม่เจอ ให้เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษแทน

เทคนิคจัดกลุ่มแอปฯ ในเครื่อง หาง่าย ใช้สะดวก

พี่ๆ เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ไหม มือถือแจ้งเตือนว่าเมมเต็ม เลยต้องลบรูปหรือวิดีโอออกจากเครื่อง แต่ก็ตัดสินใจลำบากเหลือเกิน เพราะทุกรูปทุกวิดีโอก็เป็นความทรงจำที่อยากจะเก็บเอาไว้



ยังแฮปปี้เข้าใจปัญหานี้เป็นอย่างดี เลยขอมาแนะนำให้พี่ๆ รู้จักกับ Cloud ระบบการเก็บข้อมูลผ่านทางออนไลน์ที่จะมาเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปหรือวิดีโอก็สามารถอัปโหลดเก็บไว้บน Cloud ได้ ไม่ต้องไปเซฟไว้บนมือถือให้เปลืองเมม



โดย Cloud มีผู้ให้บริการหลายเจ้ามาก มีแพ็กเกจให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบที่ให้บริการฟรีและไม่ฟรี ซึ่งในวันนี้ยังแฮปปี้ได้เลือกเจ้าที่ให้บริการ Cloud แบบไม่ต้องเสียเงินมาเล่าให้พี่ๆ ฟัง จะมีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกันเลย 



Google Drive



บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน Cloud จาก Google ผู้พัฒนาโปรแกรมค้นหายักษ์ใหญ่ของโลก ที่ให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรีสูงถึง 15 GB สามารถเก็บรูปถ่ายความละเอียดสูงสุดที่ 16 MP และวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 1080p โดยพี่ๆ สามารถเข้าใช้บริการ Google Drive ด้วย Gmail (สมัครอีเมลได้ฟรีที่ https://accounts.google.com/SignUp)



ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Drive จาก App Store (iOS) หรือ Play Store (Android) แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วย Gmail ของตัวเอง เพียงเท่านี้พี่ๆ ก็สามารถอัปโหลดรูปหรือวิดีโอขึ้นไปบน Cloud ได้แล้ว



OneDrive 



บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน Cloud ที่พัฒนาโดย Microsoft ผู้พัฒนา Windows และโปรแกรมตระกูล Office สามารถเซฟไฟล์ได้ทุกประเภทที่มีขนาดในพื้นที่จัดเก็บ 5 GB ฟรี เพียงแค่พี่ๆ มีอีเมลของ Outlook, Live, หรือ Hotmail ก็ใช้บริการได้หมด (สมัครอีเมลได้ฟรีที่ https://outlook.live.com/owa/)



ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน OneDrive จาก App Store (iOS) หรือ Play Store (Android) แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลของ Microsoft เพียงเท่านี้พี่ๆ ก็สามารถอัปโหลดรูปหรือวิดีโอขึ้นไปบน Cloud ได้แล้ว



และแล้วมือถือของพี่ๆ จะไม่เมมเต็มเพราะรูปหรือวิดีโออีกต่อไป สามารถเก็บบันทึกทุกเรื่องราวและความทรงจำดีๆ ไว้บน Cloud พื้นที่จัดเก็บข้อมูลออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหายไปไหน

รู้จักบริการ Cloud เซฟรูปออนไลน์ ไม่ต้องกลัวหาย

เชื่อว่าหนึ่งในปัญหาสำหรับการใช้สมาร์ทโฟนที่พี่ๆ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่พบเจอ นั่นก็คืออาการหลงๆ ลืมๆ วิธีการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เข้าตรงไหน กดตรงไหน และส่วนที่น่าจะหลงลืมกันมากที่สุด คงหนีไม่พ้น รหัสผ่าน หรือ password ที่ใช้สำหรับล็อกอินเข้าใช้แอปฯ ต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว เพราะถ้าหากตั้งยากเกินไป ก็ไม่สามารถจำได้ หรือถ้าตั้งง่ายเกินไป ก็อาจเสี่ยงต่อการถูกแฮกข้อมูลจากเหล่ามิจฉาชีพออนไลน์ได้ก็เป็นได้



ยังแฮปปี้และดีแทค ขอแนะนำเคล็ดลับสำหรับวัยเก๋า ในการตั้ง password ให้เดายาก แต่จำได้ ไม่มีหลงลืมแน่นอน 



คุณสมบัติของ password ที่ดีและปลอดภัย



สิ่งสำคัญอย่างแรกคือความยาวของรหัสผ่าน ควรจะมีไม่น้อยกว่า 10 ตัวอักษรขึ้นไป และควรประกอบไปด้วยหมายเลข 0-9 ตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้งพิมพ์เล็กและใหญ่ และเครื่องหมายสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นค่าพื้นฐานที่บางเว็บไซต์บังคับให้พี่ๆ ต้องตั้งให้ครบตามนี้เลยทีเดียว



หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัวมาตั้ง password



พี่ๆ หลายคนมักจะกลัวหลงลืม จึงใช้วิธีการตั้งจากตัวเลขหรือข้อมูลส่วนตัวที่จดจำได้ง่าย เช่น หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บ้าน วันเดือนปีเกิด หรือเลขที่บัตรประชาชน ซึ่งเลขเหล่านี้สุ่มเสี่ยงต่อการที่มิจฉาชีพจะสามารถคาดเดาได้ง่ายๆ จึงควรหลีกเลี่ยงการตั้งในลักษณะนี้อย่างเด็ดขาด



เทคนิคการตั้ง password ให้เดายาก แต่จำง่าย



เทคนิคง่ายๆ เบื่องต้น แนะนำให้พี่ๆ ลองตั้งจากคำต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่เป็นคำที่จำได้ เช่น ชื่อดาราที่ชอบ ชื่อผลไม้ที่ชอบกิน แล้วนำคำเหล่านี้มาผสมกัน พร้อมกับใส่ตัวเลขลงไป เพื่อให้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และอย่าลืมใช้ทั้งตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ และสัญลักษณ์เข้าไปด้วย



ตัวอย่างเช่น



Bird48Mango* มาจาก ชอบพี่เบิร์ดและชอบกินมะม่วง Jae56Orange! มาจาก ชอบพี่แเจ้และชอบกินส้ม



หัวใจสำคัญนอกจากจะตั้งให้เดายาก แต่จำง่ายแล้ว ที่สำคัญคือห้ามบอก password นี่แก่ผู้อื่นเด็ดขาด หรือถ้าจำเป็นต้องบอก เพื่อให้ช่วยเหลือจริงๆ ก็ขอให้เป็นคนในครอบครัวหรือลูกหลานเท่านั้นนะจ๊ะ

วัยเก๋าตั้ง password ยังไงให้เดายาก แต่จำได้

ยังแฮปปี้ และ น้องตัว d ขอแนะนำเคล็ดลับในการแปลคำศัพท์ หรือประโยคต่างๆ ด้วยวิธีการพิเศษ ด้วยแอปพลิเคชั่น Google Translate

พี่ๆ หลายคนน่าจะเคยใช้แอปพลิเคชัน Google Translate ผู้ช่วยผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลภาษา&nbsp;ที่แปลได้แทบทุกภาษาในโลก แน่นอนนอกจากการช่วยเหลือในเรื่องของคำศัพท์ต่างๆ แล้ว รู้หรือไม่ว่าแอปฯ นี้ยังมีฟังก์ชันพิเศษ ที่ช่วยในการแปลภาษา โดยไม่ต้องพิมพ์เข้าไปอีกด้วย



ยังแฮปปี้ขอแนะนำเคล็ดลับในการแปลคำศัพท์ หรือประโยคต่างๆ ด้วยวิธีการพิเศษ เปิดโลกของการใช้ภาษาให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไปลองดูวิธีการใช้งานได้เลย  



1. การแปลภาษาด้วย 'กล้อง'



สำหรับการแปลภาษาด้วยกล้องนั้น ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่พี่ๆ เปิดแอปฯ แล้วแตะที่ปุ่ม 'กล้อง' เลือกภาษาที่อยากให้แปลด้านบน แล้วส่องกล้องไปที่กลุ่มตัวอักษรที่ต้องการจะแปล แอปฯ ก็จะทำการแปลให้โดยอัตโนมัติ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทันที



นอกจากนี้การแปลภาษาด้วยกล้องแล้ว ยังมีฟังก์ชันซ่อนอีกนั่นก็คือ&nbsp;สามารสแกนเอกสารบนหน้ากระดาษ แล้วเลือกแปลกเฉพาะคำศัพท์บางคำที่ไม่เข้าใจได้ รวมไปถึงสามารถเลือกไฟล์ภาพถ่าย แล้วให้แอปฯ แปลจากภาพได้อีกด้วย



2. การแปลด้วย 'การสนทนา'



เหมาะสำหรับการพูดคุยกับชาวต่างชาติแบบเจอหน้ากัน เพียงแค่เปิดแอปฯ แล้วแตะไปที่ปุ่ม 'การสนทนา' เลือกภาษาที่อยากจะให้แปลด้านล่าง แตะที่ปุ่มไมค์ แล้วให้ชาวต่างชาติพูด แอปฯ ก็จะแปลและพูดออกมาเป็นภาษาไทยหรือภาษาที่ต้องการได้ทันที ไม่ว่าจะคนเกาหลี จีน ญี่ปุ่น หรือฝรั่ง ก็สบายหายห่วง



3. การแปลด้วยการ 'ถอดเสียง'



เหมาะสำหรับการใช้ในการประชุมหรือการสัมมนาต่างๆ ซึ่งวิธีการใช้งานจะคล้ายๆ กับฟังก์ชัน 'การสนทนา' แต่จะเป็นการแปลแบบต่อเนื่องแบบยาวๆ ไม่เน้นการโต้ตอบกันนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นบรรยายภาษาไหนก็เก็บเกี่ยวความรู้ได้แบบเต็มที่ ไม่มีกำแพงเรื่องภาษาเลย

แปลภาษาง่ายๆ ด้วยมือถือผ่าน Google Translate

ยังแฮปปี้ และ น้องตัว d มีเทคนิคดีๆ ในการเปลี่ยน สมาร์ทโฟน ให้เป็นตัวช่วยเตือนความจำแบบง่ายๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงลืมอีกต่อไป

เชื่อว่าพี่ๆ วัยเก๋าหลายคนน่าจะเคยประสบกับปัญหาอาการขี้หลงขี้ลืม อย่างกิจวัตรประจำวัน เช่นการกินยาให้ตรงเวลา, ข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องซื้อ หรือกระทั่งลืมนัดหมายกับลูกหลานซะสนิท ซึ่งถ้าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญแล้วล่ะก็ เรื่องใหญ่แน่นอน



ยังแฮปปี้ และ น้องตัว d จึงมีเทคนิคดีๆ ในการเปลี่ยน สมาร์ทโฟน ให้เป็นตัวช่วยเตือนความจำแบบง่ายๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงลืมอีกต่อไป เพียงแค่ทำขั้นตอนต่อไปนี้



 1.เข้าไปที่ แอปพลิเคชัน 'นาฬิกา' บนสมาร์ทโฟน



2.จากนั้นให้เลือกไปที่ 'Alarm' หรือ 'การแจ้งเตือน' 



3.กด + เพื่อตั้งเตือน โดยสามารถเลือกได้ทั้งวัน-เวลา และเรื่องที่ต้องการแจ้งเตือนได้ด้วย















 นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ตามนี้ 



Repeat [ตั้งซ้ำ] สำหรับการเลือกว่าต้องการให้แจ้งเตือนวันไหนบ้าง



Label [ป้ายกำกับ] ตั้งชื่อการแจ้งเตือน เช่น เตือนกินยา



Sound [เสียง] ตั้งเสียงการแจ้งเตือน



Snooze [ระยะเวลาเลื่อนปลุก] ตั้งการแจ้งเตือนซ้ำอีกครั้ง















 เคล็ดลับสำคัญควรจะตั้งแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน หรือจะตั้งเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนก็ได้



ง่ายๆ เพียงเท่านี้ พี่ๆ ก็มีผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยเตือนให้ตลอดเวลาได้แล้ว

เทคนิคง่ายๆ สำหรับคนขี้ลืม! วิธีตั้งเตือนความจำบน สมาร์ทโฟน

และวันนี้ ยังแฮปปี้ ได้เป็น 1 ในพาร์ทเนอร์ของ LINE TODAY แล้ว! มาพร้อมกับเนื้อหาบทความดีๆ และคลิปวิดีโอสนุกๆ มากมาย รับรองเลยว่าอ่านง่าย

ปัจจุบัน แอปพลิเคชัน LINE เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันสื่อสารยอดนิยมในหมู่วัยเก๋า ซึ่งนอกจากจะใช้สำหรับแชทพูดคุยและมีสติกเกอร์น่ารักกุ๊กกิ๊กไว้ส่งให้เพื่อนฝูงและครอบครัวแล้ว แอปฯ LINE ยังมีฟังก์ชันเสริมต่างๆ ที่มาช่วยสร้างความบันเทิงและอำนวยความสะดวกในชีวิตให้กับพี่ๆ อีกด้วย&nbsp;



หนึ่งในนั้น คือ LINE TODAY ศูนย์กลางที่นำข่าวสารที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือจากพาร์ทเนอร์ในประเทศไทยมาเสิร์ฟให้ถึงมือผู้อ่านบนแอปฯ LINE เห็นได้จากข่าวสารส่วนใหญ่ทุกวันนี้ ที่เชื่อว่าพี่ๆ เคยได้อ่านจาก LINE TODAY มาบ้างไม่มากก็น้อย และวันนี้ ยังแฮปปี้ ได้เป็น 1 ในพาร์ทเนอร์ของ LINE TODAY แล้ว! มาพร้อมกับเนื้อหาบทความดีๆ และคลิปวิดีโอสนุกๆ มากมาย รับรองเลยว่าอ่านง่าย แชร์ให้เพื่อนง่าย และไม่พลาดสิ่งดีๆ จากยังแฮปปี้แน่นอน ส่วนวิธีเข้าไปอ่านและติดตามอย่างไร ไปดูกันเลย



วิธีติดตาม ‘ยังแฮปปี้ ความสุขผู้สูงวัย’ บน LINE TODAY



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/09/content-LineToday-05.png" alt="" class="wp-image-55244"/></figure>



1.เข้า ‘หน้าหลัก’



2.เลือก ‘ค้นหา’



3.พิมพ์ ‘@younghappy’&nbsp;



4.แตะ ‘เพิ่มเพื่อน’ และ ‘แชท’



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/09/content-LineToday-06.png" alt="" class="wp-image-55248"/></figure>



5.แตะ ‘อ่านบทความจากยังแฮปปี้ใน LINE Today’



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/09/content-LineToday-07.png" alt="" class="wp-image-55245"/></figure>



6.แตะ ‘ติดตาม’



7.แตะ ‘เข้าสู่ระบบ’ 



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/09/content-LineToday-08.png" alt="" class="wp-image-55246"/></figure>



8.เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้แตะ ‘ติดตาม’



9.แตะ ‘ไป’ เพื่อเข้าดูคอนเทนต์ต่างๆ ของยังแฮปปี้



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/09/content-LineToday-09.png" alt="" class="wp-image-55250"/></figure>



10.แตะที่คอนเทนต์ที่เราสนใจเพื่อเข้าไปอ่าน



11.หากถูกใจสามารถกด ‘หัวใจ’ และพิมพ์คอมเมนต์ได้



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/09/content-LineToday-10.png" alt="" class="wp-image-55251"/></figure>



12.หากต้องการส่งคอนเทนต์ดังกล่าวไปให้เพื่อนอ่านก็สามารถแตะที่ไอคอน LINE เพื่อแชร์ผ่านทาง LINE&nbsp;



13.หากไม่ต้องการแชร์ผ่านทาง LINE ก็สามารถเลือกแชร์ผ่านทาง Facebook, Twitter, หรือคัดลอกลิงค์ URL เพื่อส่งให้เพื่อนอ่านทางช่องทางอื่นๆ ก็ได้



แล้วพบกับบทความดีๆ และคลิปสนุกๆ จากยังแฮปปี้ได้ทาง LINE TODAY ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป&nbsp;



อย่าลืมไปติดตามกันเยอะๆ นะคะ

ยังแฮปปี้ มีให้ติดตามใน LINE TODAY แล้วนะ พบบทความดีๆ และคลิปสนุกๆ เพียบ

โทรศัพท์มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนในยุคปัจจุบันไปแล้ว เพราะจำเป็นต้องใช้ทั้งการต่อสื่อสาร ทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ เรียกว่าประโยชน์มีมากมาย

โทรศัพท์มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนในยุคปัจจุบันไปแล้ว เพราะจำเป็นต้องใช้ทั้งการต่อสื่อสาร ทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ เรียกว่าประโยชน์มีมากมาย ชนิดขาดไม่ได้เลยทีเดียว



แต่รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่ส่วนใหญ่มักจะลืม คือเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล เพราะในโทรศัพท์นั้นมีข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ โน้ต และข้อมูลของธุรกรรมทางการเงิน ถ้าเกิดโทรศัพท์หายไป นั่นหมายถึงข้อมูลต่างๆ ก็อาจหายไป หรือถูกขโมยไปเพื่อหวังผลประโยชน์ต่างๆ ได้นั่นเอง



เพราะฉะนั้นแล้ว การป้องกันข้อมูลสำคัญในโทรศัพท์มือถือ อย่างเช่นการตั้งแค่ล็อกหน้าจอไว้ คือการป้องกันเบื้องต้นที่ต้องห้ามลืมเด็ดขาด!



ยังแฮปปี้ และ น้องตัว d จะมาแนะนำวิธีเบื้องต้นการล็อกหน้าจอเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับโทรศัพท์ของพี่วัยเก๋า โดยปกติจะใช้ ตัวเลข (PIN), รูปแบบ (Pattern) หรือรหัสผ่าน (Password) และในอุปกรณ์บางรุ่น จะสามารถปลดล็อกด้วยใบหน้าหรือลายนิ้วมือได้อีกด้วย ลองไปดูวิธีทำกันเลย



วิธีตั้งค่าการล็อกหน้าจอในโทรศัพท์ iPhone



1.ไปที่ การตั้งค่า แล้วปฏิบัติตามวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้: - บน iPhone ที่มี Face ID: คลิก Face ID และรหัส - บน iPhone ที่มีปุ่มโฮม: คลิก Touch ID และรหัส



2.คลิก เปิดการใช้รหัส หรือ เปลี่ยนรหัสในการดูตัวเลือกสำหรับการสร้างรหัส ให้แตะ ตัวเลือกรหัส ตัวเลือกที่มีความปลอดภัยมากที่สุดคือ กำหนดรหัสตัวอักษรและตัวเลข และ กำหนดรหัสตัวเลข



ตั้งค่าการล็อกหน้าจอในโทรศัพท์ Android



1.เปิดแอปการตั้งค่า



2.แตะความปลอดภัย



3.เลือกประเภทของการล็อกหน้าจอ - หากตั้งค่าการล็อกไว้แล้ว จะต้องป้อนรหัส PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่านเดิมก่อนจะเลือกการล็อกประเภทอื่นได้



4.คลิกตัวเลือกการล็อกหน้าจอที่ต้องการใช้ และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ

ใส่รหัส ล็อกมือถือไว้ ปลอดภัยกว่า!

สำหรับยุคนี้ คำว่า 'โซเชียลมีเดีย (Social Media)' หรือเรียกสั้นๆ ว่า 'โซเชียลฯ' น่าจะเป็นคำที่วัยเก๋าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

YoungHappy x dtac



สำหรับยุคนี้ คำว่า 'โซเชียลมีเดีย (Social Media)' หรือเรียกสั้นๆ ว่า 'โซเชียลฯ' น่าจะเป็นคำที่วัยเก๋าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นสื่อที่มีอิทธิพลอย่างมาก จนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว



โดยความหมาย Social หมายถึง สังคม และ Media หมายถึง สื่อหรือเนื้อหา เรื่องราว บทความ วิดีโอ เพลง และรูปภาพต่างๆ เมื่อนำสองคำนี้มาร่วมกัน จึงหมายถึง 'สื่อสังคมออนไลน์' ซึ่งจุดเด่นคือการสื่อสาร 2 ทาง สามารถโต้ตอบได้ด้วย พิมพ์ตอบแชทหรือจะเป็นการคอมเมนต์ได้แบบทันทีทันใด ไม่เหมือนการรับสื่อในสมัยก่อนที่เป็นทางเดียว เช่น การชมโทรทัศน์หรือฟังวิทยุ



ยังแฮปปี้ และ น้องตัว d ขอพาพี่ๆ วัยเก๋าไปรู้จักกับแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียสุดฮิต ซึ่งบางแอปฯ พี่ๆ อาจจะใช้เป็นประจำอยู่แล้ว และบางแอปฯ กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ ถ้าไม่อยากตกเทรนด์ ลองไปอัพเดตมาใช้กันได้เลย



LINE ไลน์



แอปพลิเคชันสำหรับแชทอันดับ 1 ในบ้านเรา ที่เชื่อว่าวัยเก๋าทุกคนต้องมีติดเครื่อง โดยจุดเด่นคือการส่งสติกเกอร์น่ารักๆ แทนคำพูดได้ จึงทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก ต่อมาจึงมีการพัฒนาให้สามารถใช้ได้มากกว่าแค่การแชทปกติ ทั้งการแชทแบบกลุ่มหรือที่ติดปากกันว่า กรุ๊ปไลน์ มี OpenChats ห้องแชทสาธารณะที่รวมกลุ่มคนที่ชอบในสิ่งเดียวกัน สามารถโทรหรือวิดีโอคอลหากันฟรีได้เพียงแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดยในยุคหลังๆ ไลน์ยังเพิ่มบริการอื่นๆ ที่สามารถใช้ในแอปฯ ได้ เช่น สามารถอ่านข่าวได้จาก LINE TODAY หรือกระทั่งเป็นกระเป๋าเงิน E-Wallet ผ่าน rabbit LINE Pay ใช้จับจ่ายซื้อของแบบไร้เงินสด รวมไปถึงช้อปออนไลน์ได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นแอปฯ ที่ตอบสนองการใช้งานของผู้สูงอายุได้อย่างครบถ้วน



facebook เฟซบุ๊ก



ต้นตำรับของโซเชียลมีเดียอันดับ 1 ของโลก ที่เชื่อมโยงคนทั้งโลกเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยรูปแบบการโพสต์สเตตัส ที่ให้เจ้าของบัญชีสามารถโพสต์ได้ทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ รวมไปถึงการไลฟ์ถ่ายทอดสด เพื่อให้เพื่อนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมหรือการ engagement ได้ ผ่านการคอมเมนต์ กดไลค์หรือส่ง emoji ต่างๆ ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก ก็สามารถรับรู้ชีวิตประจำวันและเรื่องราวของเพื่อนๆ ได้ตลอดเวลา และที่สำคัญ เฟซบุ๊กทำให้พฤติกรรมการเสพข่าวสารของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ต้องเสพผ่านสื่ออย่างโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือวิทยุ แต่ทุกวันนี้ ใครๆ ก็อัพเดตข่าวสารผ่านทางเฟซบุ๊กเป็นหลัก เพราะสะดวกและรวดเร็วกว่า หรือสามารถติดตามเนื้อหาที่ชอบจากแฟนเพจที่กดไลค์ นอกจากนั้น เฟซบุ๊กยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างเช่นการเป็น E-Marketplace ที่สามารถช้อปออนไลน์จากผู้ใช้งานอื่นๆ ได้อีกด้วย



&nbsp;TikTok&nbsp;ติ๊กต็อก



แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียในรุูปแบบวิดีโอสัญชาติจีน ที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก สาเหตุที่ได้รับความนิยม เพราะคลิปวิดีโอต่างๆ ที่ผู้ใช้งานโพสต์ลง ส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงทักษะการเต้น การร้องเพลงแบบลิปซิงก์ หรือการเล่นมุกตลก ที่ให้ผู้ใช้งานสนุกไปกับคลิป ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อย่างดี ที่สำคัญคือฟีเจอร์ที่ช่วยให้สร้างสรรค์คลิปวิดีโอด้วยตัวเองได้แบบง่ายๆ ทำให้มีผู้ใช้งาน TikTok เป็นผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้น แถมการใช้งานยังง่าย สามารถใช้การปัดหน้าจอขึ้นเพื่อดูคลิปต่อไป หรือปัดลงเพื่อดูคลิปก่อนหน้า เรียกว่าเป็นหนึ่งในความบันเทิงที่ทำให้ละจากหน้าจอได้ยากทีเดียว



Clubhouse คลับเฮาส์



หนึ่งในแอปพลิเคชันที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น ด้วยรูปแบบของการสื่อสารกันในกลุ่มด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว แถมยังเป็นการคุยกันแบบสดๆ ไม่สามารถฟังย้อนหลังได้ และมีห้องหลากหลายตามความสนใจ ตั้งแต่เรื่องการเมือง ธุรกิจ แรงบันดาลใจ หรือคุยสัพเพเหระ จากทั้งคนไทยด้วยกันเอง รวมถึงคนทั่วโลกเลยทีเดียว โดยสามารถสร้างห้องเอง หรือเลือกเข้าไปนั่งฟังหรือร่วมสนทนาในเรื่องที่สนใจก็ได้ คล้ายกับการฟังวิทยุสดสมัยก่อน แล้วโทรเข้าไปร่วมสนุกในรายการ และอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดความนิยมนั้น เนื่องจากการจะเข้าใช้งานระบบ&nbsp;Clubhouse&nbsp;นั้น จะต้องได้รับเชิญจากสมาชิกด้วยกันเท่านั้น&nbsp;ทำให้เกิดความพิเศษ เหมือนเพื่อนชวนเพื่อนเข้ากลุ่มตามร้านกาแฟ ตามสมาคม หรือตามชมรม เพื่อพูดคุยตามประสาเพื่อนนั่นเอง



สามารถโหลดทั้ง 4 แอปพลิเคชัน ได้ผ่านทาง Play Store สำหรับโทรศัพท์แอนดรอยด์ และ App Store สำหรับโทรศัพท์ไอโฟน พิมพ์ชื่อแอปฯ แล้วกดค้นหาได้เลย

4 แอปฯ โซเชียลฯ สุดฮิต ที่วัยเก๋าต้องมีไว้ติดเครื่อง

หนึ่งในกิจกรรมที่วัยเก๋าชื่นชอบ คือการถ่ายรูปด้วยมือถือ เพราะทั้งสะดวกและง่ายดายสุดๆ เพียงแค่กดถ่ายก็สามารถแชร์รูปอวดเพื่อนๆ ในโซเชียลฯ ได้

YoungHappy x dtac



หนึ่งในกิจกรรมที่วัยเก๋าชื่นชอบ คือการถ่ายรูปด้วยมือถือ เพราะทั้งสะดวกและง่ายดายสุดๆ เพียงแค่กดถ่ายก็สามารถแชร์รูปอวดเพื่อนๆ ในโซเชียลฯ ได้ทันที เชื่อว่าในมือถือของพี่ๆ หลายคนต้องมีรูปภาพสวยๆ ที่ถ่ายไว้เองหรือเพื่อนส่งมาให้เก็บไว้มากมาย แต่การจะโพสต์รูปเดี่ยวๆ ลงไปเลย อาจจะไม่สวยถูกใจก็ได้



ยังแฮปปี้และน้องตัว d ขอเสนอตัวช่วยที่จะทำให้การโพสต์รูปของวัยเก๋าไม่เหมือนใคร ด้วยแอปพลิเคชันที่สามารถทำกรอบรูป สวยปัง สวยเก๋ได้แบบง่ายๆ จะมีแอปฯ อะไรบ้าง ไปดูกันเลย



PicCollage



แอปพลิเคชันสามารถเลือกทำกรอบรูปได้หลายแบบ ทั้งแบบภาพเดี่ยว หรือการรวมหลายๆ ภาพไว้ในภาพเดียวกัน พร้อมทั้งมีกรอบรูปสวยๆ ให้เลือกอีกเพียบ สามารถปรับสีภาพ ใส่ข้อความ หรือวาดลายเส้นลงไปในภาพได้แบบฟรีสไตล์อีกด้วย เมื่อแต่งกรอบภาพเสร็จก็สามารถกดบันทึกไว้ในเครื่อง หรือกดแชร์ต่อลงในโซเชียล ทั้งในไลน์หรือเฟซบุ๊กได้ทันที



Layout from Instagram



แอปพลิเคชันเจ้าของเดียวกับ Instagram สามารถจัดเรียงหลายรูปภาพไว้ในรูปภาพเดียวกัน ด้วยเมนูที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย สามารถปรับกรอบรูปภาพแต่ละช่องให้ใหญ่เล็กได้ตามชอบ หรือจะพลิกรูปภาพเหมือนกระจกก็ทำได้ เมื่อแต่งภาพเสร็จแล้วก็สามารถกดบันทึกไว้ในเครื่อง หรือแชร์ต่อลงใน Instagram หรือโซเชียลฯ อื่นๆ ได้ทันทีเช่นกัน



สามารถโหลดทั้ง 2 แอปพลิเคชัน ได้ผ่านทาง Play Store สำหรับโทรศัพท์แอนดรอยด์ และ App Store สำหรับโทรศัพท์ไอโฟน พิมพ์ชื่อแอปฯ แล้วกดค้นหาได้เลย



ใครที่ลองทำรูปสวยๆ เสร็จแล้ว ลองเอามาอวดกันมั่งน้า

เทคโนโลยี