ยังแฮปปี้ มีคำแนะนำดีๆ มาฝาก กับ 5 สิ่งที่อยากให้พี่ๆ ลองกลับไปคิดทบทวนเพื่อเพิ่ม คุณภาพชีวิต ให้ดียิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ เราทุกคนอาจจะยังต้องหยุดอยู่บ้านและหลีกเลี่ยงการออกไปนอกบ้านโดยไม่จำเป็นไปอีกสักระยะหนึ่ง ถ้าเป็นเด็กๆ ก็เรียนออนไลน์ วัยทำงานก็ work from home แล้วผู้สูงอายุอย่างเราๆ ล่ะ จะอยู่บ้านทำอะไรดี เป็นไปได้ไหมว่า เราจะใช้โอกาสนี้ทำประโยชน์ สร้าง คุณภาพชีวิต ให้เกิดกับตัวเองและคนอื่น โดยใช้เวลาที่มีอยู่คิดทบทวน ไตร่ตรองสิ่งต่างๆ สะสางเรื่องที่ค้างคา เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคต 



ในวันนี้ ยังแฮปปี้ จึงมีคำแนะนำดีๆ มาฝาก กับ 5 สิ่งที่อยากให้พี่ๆ ลองกลับไปคิดทบทวนเพื่อเพิ่ม คุณภาพชีวิต ให้ดียิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/05/คิดทบทวน_FB-post-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52721"/></figure>



1.บริหารการเงิน



จริงอยู่ว่า เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่เงินก็เป็นปัจจัยที่มีผลต่อ คุณภาพชีวิต ของทุกคน อย่างไรก็ตาม ยังแฮปปี้ไม่อยากให้พี่ๆ โฟกัสที่จำนวนตัวเลขสักเท่าไร เพราะเงินมากหรือน้อยในความคิดของแต่ละคนอาจต่างกันสิ่งสำคัญกว่าคือ เราบริหารเงินได้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราแค่ไหน



หากพี่ๆ เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดเรื่องการเงินของตัวเองอย่างจริงจังมาก่อน ช่วงนี้ที่กำลังอยู่บ้านว่างๆ อาจเป็นโอกาสดีที่จะกลับมาคิดหาวิธีจัดการการเงินของตัวเองเป็นต้นว่า ทบทวนการวางแผนการเงินหลังเกษียณ คำนวณเงินที่ต้องใช้ว่าสอดคล้องกับเงินออมของเราหรือไม่ ปรับปรุงแผนการออมและการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้มีเงินใช้สอยอย่างไม่ติดขัดตลอดวัยเกษียณ



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/05/คิดทบทวน_FB-post-copy-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52722"/></figure>



2.เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์



ทุกคนรู้ดีว่า อาหารการกินเป็นก้าวแรกของการดูแลสุขภาพ แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถหักห้ามใจไม่กินอาหารที่ไม่ดี และหันมาเลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมักจะอร่อยน้อยกว่า แถมทุกวันนี้ อะไรๆ ก็ง่ายดายไปเสียหมด อยากกินอะไรก็สามารถกดสั่งจากแอปพลิเคชันบนมือถือได้เลย ที่สำคัญคือมาส่งถึงหน้าบ้านอีกด้วย



และด้วยความที่ทุกอย่างสะดวกสบายขนาดนี้ เราจึงต้องฝึกหักห้ามใจ อย่าตามใจปากจนเกินไป ลองหันกลับมาทบทวนพฤติกรรมการกินของตัวเอง อาจเริ่มง่ายๆ ที่การดื่มน้ำเปล่า ลองดูว่าดื่มครบ 8-10 แก้วต่อวันหรือไม่ ฝึกทำอาหารสุขภาพ และกินอาหารตามสูตร 2:1:1 (ผัก 2 ส่วน ข้าวหรือคาร์โบไฮเดรต 1 ส่วน โปรตีน 1 ส่วน) เป็นต้น&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/05/คิดทบทวน_FB-post-copy-2-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52723"/></figure>



3.หมั่นทำกิจกรรมอยู่เสมอ



กิจกรรมในที่นี่หมายถึงทุกกิจกรรมที่ทำใน 1 วัน ลองสังเกตตัวเองว่า เราทำอะไรบ้างใน 1 วัน ตั้งแต่ลืมตาตื่นตอนเช้า จนถึงเตรียมตัวเข้านอน เราได้ทำกิจกรรมที่ใช้สมองและขยับร่างกายบ้างรึเปล่า หรือปล่อยให้ตลอดทั้งวันหมดไปกับการดูโทรทัศน์และเล่นมือถือ



หากเป็นอย่างหลังล่ะก็ พี่ๆ อาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียแล้ว ลองออกมายืดเส้นยืดสายรับวิตามินดีในยามเช้าหรือตอนเย็นๆ หากิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายทำดูบ้าง เช่น การเดิน การวิ่ง หรือการทำสวน กิจกรรมที่ต้องใช้สมองอย่าง การเล่นบอร์ดเกม เกมฝึกสมองออนไลน์ หรืออ่านหนังสือ และสุดท้าย พยายามเข้านอนให้เป็นเวลา เพื่อตื่นเช้าขึ้นมาจะได้สดชื่น 



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/05/คิดทบทวน_FB-post-copy-3-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52724"/></figure>



4.ดูแลบ้านให้น่าอยู่



ทั้งๆ ที่ ‘บ้าน’ เป็นสถานที่ที่เราใช้เวลาอยู่ค่อนข้างมาก แต่หลายคนกลับมองว่าบ้านเป็นเพียงที่ซุกหัวนอนหรือโกดังเก็บของเสียมากกว่า และด้วยความคิดแบบนี้นี่เองที่ทำให้เราเผลอละเลยไม่ใส่ใจดูแลบ้านเท่าที่ควร เมื่อบ้านไม่ได้รับการดูแล มีข้าวของวางระเกะระกะ สภาพทรุดโทรม บรรยากาศไม่น่าอยู่ ก็ย่อมพานทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยไม่มีความสุข



ถ้าบ้านของพี่ๆ กำลังประสบปัญหานี้ อย่าเพิ่งเศร้าใจไป ลองใช้เวลาช่วงนี้ในการทำความสะอาด จัดบ้าน ทิ้งข้าวของที่ไม่จำเป็น รวมถึงวางแผนรีโนเวทบ้านใหม่อาจจะชักชวนลูกหลานมาวางแผนปรับปรุงบ้านไปพร้อมๆ กัน ก็จะทำให้บ้านน่าอยู่สำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/05/คิดทบทวน_FB-post-copy-4-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52725"/></figure>



5.ไม่ละเลยความสัมพันธ์



จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ใช้เวลาราว 80 ปี ติดตามศึกษากลุ่มตัวอย่างแบบต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อหาคำตอบว่า อะไรกันที่ทำให้คนเรามีความสุข แสิ่งที่นักวิจัยค้นพบคือ ความสัมพันธ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพและความสุขในชีวิตของมนุษย์&nbsp;



ดังนั้น สิ่งสุดท้ายที่ยังแฮปปี้อยากให้พี่ๆ กลับมาลองทบทวนเป็นพิเศษ คือเรื่องของความสัมพันธ์ทั้งความสัมพันธ์กับคนรอบตัว ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับตัวเอง ลองสังเกตดูว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราต่อทุกคนรวมถึงตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง ดีไม่ดีอย่างไร หากไม่ดีเราจะทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไร เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ดีมีคุณภาพ จะสร้างความสุขที่แท้จริงได้อย่างแน่นอน&nbsp; เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 สิ่งที่ควรคิดทบทวน ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ช่วงนี้ที่ต้องหยุดอยู่บ้านบ่อยๆ พี่ๆ ทำอะไรกันบ้างคะ แล้วในอนาคต ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว พี่ๆ อยากจะไปทำอะไร ที่ไหนมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ



อ้างอิง <a href="http://johjaionline.com/on-looker/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C/">"ความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ" คือความสุขที่แท้จริงของมนุษย์ | เจาะใจออนไลน์ (johjaionline.com)</a>

คุณภาพชีวิต ดีแน่นอน ถ้าได้ลองทำ 5 สิ่งนี้

ชิมอาหารจานเด็ดที่ร้าน ‘Patom Organic Living’ คาเฟ่สีเขียว ย่านทองหล่อ 23 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารออร์แกนิก กับวัตถุดิบส่งตรงจากนครปฐม

ทุกตำราของการดูแลสุขภาพมักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อาหาร คือปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ และปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พี่ๆ ผู้สูงอายุ จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ&nbsp;



การกลับมาอีกครั้งของโปรเจกต์ ‘กินเที่ยวอย่างเก๋ากับยังแฮปปี้’ โปรเจกต์เฟ้นหาร้านอาหารและที่เที่ยวสำหรับวัยเก๋า ซึ่งในครั้งนี้ ยังแฮปปี้ได้ยกพลกันไปชิมอาหารจานเด็ดที่ร้าน ‘Patom Organic Living’ คาเฟ่สีเขียว ย่านทองหล่อ 23 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารออร์แกนิก กับวัตถุดิบส่งตรงจากนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียง ในบรรยากาศแสนร่มรื่นท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ



มาร่วมชิมอาหารและดื่มด่ำบรรยากาศไปพร้อมกัน กับ อ๊ะ - ทินกร ศรีพรม พิธีกรหนุ่มหล่ออารมณ์ดี, ณฎา - ณฎา ตันสวัสดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งยังแฮปปี้ และแขกรับเชิญสุดพิเศษ พี่แอน - อุษาวดี สินธุเสน ที่ปรึกษาประจำทีมมีเดีย ตัวแทนของพี่ๆ ผู้สูงอายุ ที่จะมาลิ้มรสอาหารและเยี่ยมชมบรรยากาศ ว่าจะถูกใจวัยเก๋าอย่างไร ลองไปติดตามกันได้เลยจ้า



<figure class="wp-block-embed is-type-video is-provider-youtube wp-block-embed-youtube wp-embed-aspect-16-9 wp-has-aspect-ratio"><div class="wp-block-embed__wrapper">
https://www.youtube.com/watch?v=1Zd-VkiqTk8
</div></figure>



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/patom-content-03-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52325"/></figure>



พิเศษสุด!&nbsp; หากซื้ออาหาร เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์ ครบ 300 บาท&nbsp; รับฟรี Organic Herbal Soda ราคา 95 บาท&nbsp;&nbsp; (สิทธิ์น้ำ 1 แก้ว จำกัดต่อ 1 ท่านเท่านั้น)



เพียงแสดงรหัสสมาชิกในแอปพลิเคชันยังแฮปปี้ หมดเขตวันที่ 30 มิถุนายน 2564&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/patom-content-04-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52326"/></figure>



คาเฟ่เรือนกระจกท่ามกลางธรรมชาติในซอยทองหล่อ



ลึกเข้าไปในซอยทองหล่อ 23 เป็นที่ตั้งของร้าน Patom Organic Living คาเฟ่ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก รูปแบบกลาสเฮ้าส์ที่สามารถมองออกไปเห็นธรรมชาติรอบด้านได้ สำหรับคอนเซปต์ของสถาปัตยกรรมนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะนำเอาวัสดุดั้งเดิมอย่าง ไม้เก่าจากแพสวนสามพราน มาประยุกต์ใช้ใหม่เป็นโครงสร้างหลัก ภายในเน้นดีไซน์เรียบง่าย เพดานยกสูง สร้างความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย



โดยพื้นที่ภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 โซน โซนเคาน์เตอร์สั่งอาหารและห้องครัว โซนนั่งรับประทานอาหาร และสุดท้ายโซนของหวานและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์ Patom ที่ผลิตโดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติจากกลุ่มเกษตรในนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียง



สำหรับการเดินทางมาร้าน Patom Organic Living สามารถเลือกมาโดยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีพร้อมพงษ์ หรือจะขับรถส่วนตัวมาจอดภายในลานจอดรถของทางร้านก็ได้



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/patom-content-05-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52327"/></figure>



Patom อาหารไทยสายออร์แกนิกต้นตำรับจากนครปฐม



‘Patom’ มาจากภาษาไทย ‘ปฐม’ ที่แปลว่า จุดเริ่มต้น โดยคุณฟี่-อนัฆ นวราช ทายาทรุ่นที่สามของสวนสามพราน เลือกคำนี้มาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของตัวแบรนด์ Patom ว่าเป็นแบรนด์ที่ดูแลสินค้าตั้งแต่จุดเริ่มต้นแรกสุดก็คือวัตถุดิบที่นำมาใช้แปรรูปเป็นสินค้าต่างๆ นอกจากนี้ Patom ยังหมายถึงจังหวัดนครปฐม ที่ตั้งของสวนสามพรานอีกด้วย&nbsp;



ร้าน Patom Organic Living มีผลิตภัณฑ์และเมนูสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยที่เสิร์ฟมาในปิ่นโตสองชั้นขนาดกะทัดรัด ขนมไทยหรือเบเกอรี่ที่สามารถเลือกตักเองได้จากบาร์ขนม และเครื่องดื่มอีกมากมาย เช่น ชากุหลาบเย็นยอดนิยม เป็นต้น โดยทุกสิ่งทุกอย่างในร้านนี้ ได้รับการรังสรรค์มาจากวัตถุดิบออร์แกนิกมาตรฐานสากลจากกลุ่มเกษตรกรในมูลนิธิสังคมสุขใจ ส่วนเมนูเด็ดที่ยังแฮปปี้ได้ไปชิมมานั้น จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย



เมนูเด็ดสำหรับวัยเก๋า



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/patom-content-06-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52328"/></figure>



ข้าวยำดอกไม้ 150 บาท



เมนูแรกที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเป็นเมนูที่พี่แอน (ตัวแทนพี่ๆ ผู้สูงอายุ) ปลาบปลื้มสุดๆ ไปเลย คือ ข้าวยำดอกไม้ นั่นเอง ข้าวที่เสิร์ฟมาพร้อมกับผักและดอกไม้นานาพันธุ์ตามฤดูกาล ซึ่งในวันนี้เป็นดอกกุหลาบมอญ ดอกเข็ม และดอกอัญชัน สำหรับวิธีการกิน ให้พี่ๆ ราดน้ำซอสลงบนส่วนผสมต่างๆ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันจนสีดูน่ากินและได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมะพร้าวที่คั่วมากับน้ำซอส โดยเมนูนี้ถือว่าครบรสเลยทีเดียว ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ด ออกมาได้กลมกล่อมกำลังดีในคำเดียว&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/patom-content-07-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52329"/></figure>



ผัดไทกุ้งสด 170 บาท



เมนูถัดไป เป็นเมนูที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน อย่าง ผัดไทกุ้งสดสูตรดั้งเดิมของสวนสามพราน โดยคุณฟี่ เจ้าของแบรนด์ Patom ได้เล่าถึงความเป็นมานี้ว่า สมัยก่อนประมาณ 60 ปีที่แล้ว ตอนที่คุณยายเพิ่งเริ่มทำสวนสามพรานท่านขายอาหารเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ ผัดไทกับไอศกรีมกะทิ โดยผัดไทได้ความนิยมและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากทั้งในนครปฐมและจังหวัดอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าผัดไทของสวนสามพรานจะได้รับการดัดแปลงเล็กน้อย โดยหันมาใช้วัตถุดิบอย่างเส้นและผักออร์แกนิก แต่รับรองความอร่อยได้เลยว่า ยังคงอร่อยแบบต้นตำรับดั้งเดิมอย่างแน่นอน



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/patom-content-08-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52330"/></figure>



ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน 130 บาท



สำหรับเมนูสุดท้าย แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกสดชื่นแล้ว กับเมนู ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แสนโด่งดังของสวนสามพราน เมนูที่รังสรรค์จากเส้นก๋วยเตี๋ยวออร์แกนิกและพืชผักดอกไม้ที่ส่งตรงมาจากสวนของเกษตรกร โดยทีเด็ดของเมนูนี้คือกลีบดอกกุหลาบมอญ ที่นอกจากจะแต่งเติมสีสันให้น่ากินแล้ว ยังส่งกลิ่นหอมขึ้นจมูกอีกด้วย ซึ่งเมนูก๋วยเตี๋ยวลุยสวนนี้ สามารถเป็นได้ทั้งเมนูกินเล่นหรือเมนูลดความอ้วนก็ได้ เพราะให้พลังงานต่ำและมีคุณค่าทางโภชนาการ โอ้โห ทั้งสวย หอม และมีคุณค่าขนาดนี้ ไม่กินไม่ได้แล้วนะจ๊ะ



นอกจากเมนูสุขภาพแล้ว Patom Organic Living ยังมีเครื่องดื่มให้เลือกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Mon Rose Water (120 บาท), Coconut Coffee (130 บาท), หรือ Organic Herbal Soda (95 บาท) เป็นต้น หรือจะขนมไทยที่มีให้เลือกตักเองที่บาร์ อย่าง ข้าวเหนียวสังขยา, ขนมต้ม, สาคู, ถั่วแปบ, ตะโก้, ขนมกล้วย, หรือ ขนมฟังทอง ที่มาในขนาดเล็กๆ พอดีคำ เหมาะสำหรับคนที่กินไม่เยอะ แต่อยากจะชิมทุกอัน



มาที่เดียว แต่ได้ทั้งชมบรรยากาศสวนสีเขียวชอุ่ม รับประทานอาหารออร์แกนิกที่วัตถุดิบส่งตรงจากเกษตรกรในมูลนิธิสังคมสุขใจ พร้อมกับเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแบรนด์ Patom ได้โดยที่ไม่ต้องไปไกลถึงสวนสามพราน ดีขนาดนี้ จะไม่ให้ถูกวัยเก๋าได้อย่างไร



ยังแฮปปี้รีวิว



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/patom-content-09-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52331"/></figure>



พี่แอน



อาหาร 5 ดาว&nbsp; สถานที่ 5 ดาว&nbsp; ความแฮปปี้ 5 ดาว&nbsp; เมนูโดนใจ: ข้าวยำดอกไม้&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/patom-content-10-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52332"/></figure>



Patom Organic Living



ซอยสุขุมวิท 49/6 (ทองหล่อ 23) BTS สถานีพร้อมพงษ์ มีที่จอดรถ เปิดทุกวัน เวลา 09.30 – 18.00 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-084-8649&nbsp; <a href="https://www.facebook.com/patom.organics/">https://www.facebook.com/patom.organics/</a>

Patom Organic Living คาเฟ่สีเขียวใจกลางทองหล่อที่สายออร์แกนิกห้ามพลาด : กินเที่ยวอย่างเก๋า

ทำความรู้จัก ดอกไม้ไทย ที่มีความหมายสื่อถึงความรัก ยังแฮปปี้ได้ไปสรรหามาให้รู้จักถึงที่มาและความหมายดีๆ จะมีดอกไม้อะไรบ้าง ไปดูกัน

<a href="https://younghappy.com/blog/activities-for-seniors/love-our-world-challenge/">การบอกรัก</a> ใครสักคน นอกจากด้วยคำพูดหรือการกระทำแล้ว เรายังสามารถแสดงให้เขารู้ผ่านทางของขวัญเล็กๆ น้อยๆ อย่างการให้ดอกไม้ได้อีกด้วย และเพื่อที่จะสื่อถึงความในใจของเราให้ถูกต้องไม่คลาดเคลื่อน การเข้าใจความหมายหรือภาษาดอกไม้จึงจำเป็นอย่างมาก ในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะได้รับดอกกุหลาบหรือช็อกโกแลตจากคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นคนรัก เพื่อน หรือลูกหลาน แต่นอกจากดอกกุหลาบแล้ว ยังมี ดอกไม้ไทย อีกมากมายที่มีความหมายสื่อถึงความรัก ซึ่งยังแฮปปี้ได้ไปสรรหามาให้กับทุกคนแล้ว จะมีดอกไม้อะไรบ้าง ไปดูกันเลย&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/flower_FB-post-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51582"/></figure>



1.ดอกบานไม่รู้โรย



สำหรับดอกไม้ไทยดอกแรก แค่ได้ยินชื่อทุกคนก็คงร้องอ๋อ บานไม่รู้โรย ดอกไม้หน้าตาจิ้มลิ้ม มีตั้งแต่สีม่วง สีชมพู และสีอ่อนลงไปจนถึงสีขาว ว่ากันว่าเป็นดอกไม้ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านความรักให้ผลิบานไม่รู้โรย หากนำไปปลูกในบ้านจะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยมีความผูกพันต่อกัน ถ้าเป็นคู่รักก็จะรักกันอย่างยาวนานและไม่ทะเลาะกัน



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/flower_FB-post-copy-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51583"/></figure>



2.ดอกกล้วยไม้&nbsp;



ดอกกล้วยไม้เป็นดอกไม้ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี จึงเป็นตัวแทนของการดูแลเอาใจใส่กันและกัน ความร่มเย็น และความงามอันละเมียดละไม หากบ้านไหนปลูกดอกกล้วยไม้ มีความเชื่อว่าคนบ้านนั้นจะเป็นผู้ที่มีจิตใจงดงาม เมตตา อ่อนโยน และสุขุมเยือกเย็น นอกจากนี้ ดอกกล้วยไม้ยังสื่อถึงความคิดถึงอีกด้วย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/flower_FB-post-copy-2-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51584"/></figure>



3.ดอกกระถิน



ต้นกระถินออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ดอกกระถินมีลักษณะเป็นพุ่มกลมปุ้มปุ้ยน่ารัก ว่ากันว่าเป็น ดอกไม้ไทย แห่งความมั่นคงตามความเชื่อของไทยโบราณ จึงหมายถึงรักแท้ที่มั่งคงและตรงไปตรงมา นอกจากนี้ ส่วนต่างๆ ของต้นกระถินและดอกกระถินยังเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมายอีกด้วย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/flower_FB-post-copy-3-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51585"/></figure>



4.ดอกหน้าวัว



ดอกหน้าวัวเป็น ดอกไม้ไทย ที่ปลูกได้ดีในประเทศเขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทย และพันธุ์ที่นิยมปลูกคือพันธุ์ดวงสมร ซึ่งมีจานรองดอกสีแดงสวยสดใส เรามักจะให้ดอกหน้าวัวเป็นของขวัญกับเจ้าของงานหรือเจ้าของบ้าน เพราะมีความหมายถึง การต้อนรับขับสู้ด้วยความยินดี ส่วนความหมายด้านความรักหมายถึง ความรักที่มั่นคงและอดทน



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/flower_FB-post-copy-4-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51586"/></figure>



5.ดอกซ่อนกลิ่น



ดอกซ่อนกลิ่นเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมรุนแรง ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีการฉีดดับกลิ่นแบบในปัจจุบัน คนไทยนิยมใช้ดอกซ่อนกลิ่นจัดหน้าศพเพื่ออำพรางกลิ่น ดอกซ่อนกลิ่นจึงมีความหมายที่แฝงด้วยความเศร้า นอกจากนี้ ก็ยังหมายถึงการแอบรักอีกด้วย ดังชื่อซ่อนกลิ่นที่เปรียบเหมือนการเก็บซ่อนความรู้สึกไว้นั่นเอง



เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 ดอกไม้ไทยที่มีความหมายสื่อถึงความรัก วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา พี่ๆ ได้มอบดอกไม้ให้กับใครบ้างรึเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟังบ้างนะจ๊ะ



อ้างอิง <a href="https://www.sanook.com/horoscope/73929/">ดอกไม้ประจำ 12 ราศี ความหมายของดอกไม้มงคลในประเทศไทย (sanook.com)</a> <a href="https://www.sanook.com/campus/1399883/">"13 ความหมายของดอกไม้ไทย" แต่ละดอก แต่ละพันธุ์ สื่อความหมายถึงอะไรบ้าง (sanook.com)</a>

5 ดอกไม้ไทย ที่มีความหมายสื่อถึงความรัก

รู้จักกับ 5 สัญลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ รักษ์โลก ที่ใช้ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มความเข้าใจในฉลากหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ

ในปัจจุบัน เราเห็นข่าวเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และภัยพิบัติในหลายพื้นที่ที่เป็นผลพวงมาจากสภาวะโลกร้อนแทบทั้งสิ้น จึงไม่แปลกเลยที่ทั่วโลกจะต้องหันมาตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างในประเทศไทยเอง ทั้งภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ก็เริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับการ รักษ์โลก ด้วยการประหยัดพลังงาน การปลูกต้นไม้ทดแทน และการควบคุมปริมาณก๊าซเรือนกระจกในประเทศกันมากขึ้น



ยังแฮปปี้จึงอยากจะพาพี่ๆ ไปรู้จักกับ 5 สัญลักษณ์ของ ผลิตภัณฑ์ รักษ์โลก ที่ใช้ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มความเข้าใจในฉลากหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และเพื่อที่พี่ๆ จะสามารถเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้องนั่นเอง&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/สัญลักษณ์-รักษ์โลก_FB-post-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51546"/></figure>



1.ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5



คงไม่มีใครไม่รู้จัก ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่มักจะเห็นติดตามแอร์ ตู้เย็น หรือเครื่องซักผ้า ฉลากนี้ออกโดยกระทรวงพลังงาน เพื่อแสดงระดับการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลเบื้องต้นต่างๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เราจะได้ตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยประหยัดพลังงานในระยะยาวได้อย่างถูกต้อง โดย สัญลักษณ์ 5 ดาว หมายถึงประสิทธิภาพในการประหยัดไฟที่ดีที่สุดนั่นเอง&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/สัญลักษณ์-รักษ์โลก_FB-post-copy-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51547"/></figure>



2.สัญลักษณ์ FSC



FSC หรือ Forest Stewardship Council คือองค์กรพิทักษ์ป่าซึ่งทำหน้าที่ดูแลและส่งเสริมการปลูกต้นไม้ทดแทนในป่าหมุนเวียน ดังนั้นสินค้าใดก็ตามที่มีสัญลักษณ์ FSC กำกับอยู่ จะถือว่าเป็นสินค้าที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการปลูกต้นไม้ทดแทนไม้ที่นำไปใช้ในการผลิตและแปรรูป ซึ่งสัญลักษณ์ดังกล่าว ได้รับการยอมรับในระดับสากลเลยทีเดียว&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/สัญลักษณ์-รักษ์โลก_FB-post-copy-2-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51548"/></figure>



3.ฉลากเขียว



ฉลากเขียว คือ ฉลากสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ซึ่งมีองค์กรกลางเป็นผู้ให้การรับรอง การติดฉลากเขียวบนสินค้ามีความหมายว่า สินค้านี้ได้รับการตรวจสอบแล้วว่า มีองค์ประกอบ กระบวนการผลิต การใช้ และการทิ้งทำลายที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสินค้าประเภทเดียวกันที่ไม่ได้รับการรับรอง เช่น สุขภัณฑ์ หากมีฉลากเขียวติดอยู่ แสดงว่าสุขภัณฑ์นี้ประหยัดน้ำกว่าแบบอื่น



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/สัญลักษณ์-รักษ์โลก_FB-post-copy-3-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51549"/></figure>



4.ฉลาก Carbon Reduction



หนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และนี่เองคือที่มาของฉลาก Carbon Reduction หรือ ฉลากลดคาร์บอน เครื่องหมายซึ่งแสดงว่าสินค้าดังกล่าวมีกระบวนการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณต่ำ โดยสินค้าฉลากลดคาร์บอนจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อยร้อยละ 10 ขึ้นไป พิจารณาจากการลดการใช้ไฟฟ้า วัตถุดิบ หรือการปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดในการผลิต เป็นต้น&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/02/สัญลักษณ์-รักษ์โลก_FB-post-copy-4-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51550"/></figure>



5.สัญลักษณ์ Green Industry



อุตสาหกรรมสีเขียว หรือ Green Industry เป็นหนึ่งในนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องการให้อุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน สินค้าที่มีสัญลักษณ์ Green Industry ติดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ฝา ไม้อัด ฉนวนกันความร้อน หรืออุปกรณ์ต่อเติมตกแต่งต่างๆ ถือว่าได้รับการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรมแล้วว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม



เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 สัญลักษณ์สีเขียวบนสินค้าต่างๆ ในบ้านเรา ดูแล้วคงรู้สึกคุ้นหูคุ้นตากันบ้าง เพราะประเทศไทยเองก็เริ่มให้ความสนใจกับการ รักษ์โลก และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้นแล้ว ซึ่งหากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกคนร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ด้วยการการเลือกซื้อสินค้าที่มีสัญลักษณ์เหล่านี้ เราก็คงจะสามารถรักษาโลกใบนี้ไว้ให้กับคนรุ่นหลังได้อย่างแน่นอน&nbsp;&nbsp;



อ้างอิง <a href="https://www.facebook.com/thaigreenlabelscheme/posts/1140601589316981/">ฉลากเขียว (The Thai Green Label Scheme) - Posts | Facebook</a> <a href="https://www.yaklakyim.com/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B1/">อยากรักโลก ต้องรู้จักสัญลักษณ์อะไรบ้าง? - โครงการ "แยก แลก ยิ้ม" (yaklakyim.com)</a>

รู้ไหม 5 สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ใช้ในไทย มีอะไรบ้าง?

ยังแฮปปี้เลยจะมาบอกเทคนิคดีๆ ที่จะทำให้พี่ๆ ตัดใจ ทิ้งของ ที่ไม่จำเป็นไได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องจัดบ้านใหม่เรื่อยๆ อีกต่อไป

เชื่อว่าหนึ่งในปัญหาที่พี่ๆ ผู้สูงอายุ ทุกคนพบเจอยามอยู่บ้าน คือไม่อยาก ทิ้งของ ทำให้เกิดปัญหาบ้านรก และถึงจะจัดใหม่จนสะอาดเรียบร้อยแค่ไหนเพียงไม่นานก็กลับมารกเหมือนเดิม&nbsp;



นั่นคงเป็นเพราะชาวสูงวัยส่วนใหญ่ มักจะสะสมข้าวของเครื่องใช้ไว้มากมาย พอจะตัดใจทิ้งก็เสียดาย แต่ถ้าจะเก็บไว้ก็กินเนื้อที่ภายในบ้าน ยากต่อการจัดเก็บอีก



วันนี้ยังแฮปปี้เลยจะมาบอกเทคนิคดีๆ ที่จะทำให้พี่ๆ ตัดใจ ทิ้งของ ที่ไม่จำเป็นไได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องจัดบ้านใหม่เรื่อยๆ อีกต่อไป ส่วนจะมีเทคนิคอะไรบ้าง มาดูกันเลย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/ฮาวทูทิ้ง-04-1024x1024.jpg" alt="" class="wp-image-51383"/></figure>



1.จัดการกับแหล่งซ่องสุมของสัมภาระ



หากจะเปรียบการกำจัดข้าวของที่ไม่จำเป็นออกจากบ้าน ก็คงเหมือนกับการกำจัดแมลงศัตรูพืชในไร่สวน ที่ต้องถอนรากถอนโคนจนถึงรังของมัน จึงจะทำได้สำเร็จ เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่เราควรทำคือการทำลายแหล่งซ่องสุมของสัมภาระให้สิ้นซาก เริ่มแรกอาจจะยากสักหน่อย เพราะจะต้องเผชิญหน้ากับข้าวของมากมายที่ล้นทะลักออกมาเกลื่อนกลาดทั่วห้อง แต่จงตั้งสติ แล้วค่อยๆ จัดการทีละส่วน&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/ฮาวทูทิ้ง-05-1024x1024.jpg" alt="" class="wp-image-51384"/></figure>



2.ทิ้งสิ่งที่เป็นขยะอย่างเห็นได้ชัด



สิ่งที่ควรทำต่อมา คือการเริ่มทิ้งสิ่งที่เป็นขยะอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น กระป๋องเปล่า กล่องใส่ข้าว โบรชัวร์ ของต่างๆ ที่แช่ทิ้งไว้อยู่ในตู้เย็น ลองเอาออกมาเช็คดูว่ามีอะไรหมดอายุแล้วบ้าง จากนั้นก็ทิ้งให้หมด ถัดมาก็พวกเสื้อผ้าในตู้ ตัวไหนที่ยังสภาพดีอยู่แต่ไม่ใส่แล้ว ก็เอาไปบริจาคหรือขาย ส่วนตัวไหนที่เก่า เปื่อย ขาด ก็เอาไปทิ้งเสีย นอกจากนี้ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่เก่าหรือเสียแล้ว ก็สามารถนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/ฮาวทูทิ้ง-06-1024x1024.jpg" alt="" class="wp-image-51385"/></figure>



3.ทิ้งของที่มีซ้ำหลายชิ้น



เมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับการทิ้งแล้ว ถัดไปคือการกำจัดข้าวของแบบเดียวกันที่มีอยู่หลายชิ้น ลองสำรวจภายในห้อง ว่าเรามีกรรไกรกี่เล่ม ปากกาลูกลื่นกี่ด้าม หรือแก้วน้ำกี่ใบ จากนั้น ตั้งคำถามกับตัวเองดู ทำไมเราต้องมีกรรไกรอยู่ตั้ง 2-3 เล่ม ปากกาลูกลื่น 5-6 ด้ามทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้ใช้ และแก้วน้ำอีก 10 ใบที่ใช้จริงๆ แค่ 3 ใบ การที่เรามีของคล้ายๆ กันอยู่หลายชิ้น แถมยังวางไม่เป็นที่ ทำให้เราจำไม่ได้ว่ามีของเหล่านี้อยู่ ดังนั้น เพื่อลดจำนวนข้าวของลง ให้ลองทิ้งอันที่ชอบน้อยกว่าไป&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/ฮาวทูทิ้ง-08-1024x1024.jpg" alt="" class="wp-image-51386"/></figure>



4.ทิ้งของที่ไม่ได้ใช้มานานเกิน 1 ปี



กฎเหล็กของการทำให้ข้าวของน้อยลงคือ การทิ้งของที่ไม่ได้ใช้ และทิ้งสิ่งที่คิดว่าคงจะไม่ได้ใช้อีกแล้ว อย่างเช่นของที่ไม่ได้ใช้เกิน 1 ปี ลองคิดดูง่ายๆ หากเราไม่ได้ใช้สิ่งนี้มาตลอด 1 ปี แต่ยังคงสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ตามปกติ นั่นแปลว่าปีหน้าและปีต่อไปเราก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากสิ่งนี้เหมือนกัน ยกเว้นข้าวของที่เตรียมเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินยามเกิดภัยพิบัติต่างๆ



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/ฮาวทูทิ้ง-09-1024x1024.jpg" alt="" class="wp-image-51387"/></figure>



5.ถ่ายรูปของที่ตัดใจทิ้งไม่ได้



ไอเดียนี้ดีสำหรับคนที่ยังลังเลและตัดใจทิ้งข้าวของไม่ได้ ซึ่งหลายครั้งไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของราคา แต่เป็นเพราะความทรงจำที่มีต่อของเหล่านั้นต่างหาก อย่างไรก็ตาม การทิ้งสิ่งของเป็นคนละเรื่องกับการทิ้งความทรงจำที่ผูกติดอยู่กับสิ่งนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น งานประดิษฐ์ของลูกๆ ตั้งแต่สมัยประถม แม้จะไม่ได้สวยอะไร แถมใช้งานไม่ได้อีกด้วย แต่ก็ยากจะตัดใจทิ้ง หากเป็นเช่นนี้ แนะนำให้ลองใช้รูปถ่ายเป็นการเก็บความทรงจำแทนจะดีกว่า



เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 5 เทคนิค ตัดใจทิ้งของอย่างไร ให้บ้านไม่รกอีกเลย หากพี่ๆ มีเทคนิคอื่นๆ ในการตัดใจทิ้งข้าวของที่ไม่จำเป็น อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ



ดัดแปลงมาจากหนังสือ ‘อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป’ เขียนโดย ซะซะกิ ฟุมิโอะ สำนักพิมพ์สเต็ปส์

ฮาวทูทิ้ง 5 เทคนิค ตัดใจทิ้งของอย่างไร ให้บ้านไม่รกอีกเลย

บ้านพักคนชรา และ บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ มีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเราที่สุด ยังแฮปปี้ได้ลองเปรียบเทียบให้เข้าใจมากขึ้น

เมื่อถึงวัยเกษียณ <a href="https://younghappy.com/">ผู้สูงอายุ</a> บางคนอาจนึกกังวลถึงอนาคตในยามแก่ชรา ว่าจะมีใครมาช่วยดูแลบ้าง ถ้าเป็นเมื่อก่อน คำตอบของคำถามนี้คงจบอยู่ที่ลูกหลาน แต่ในสมัยนี้ที่มีโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุผุดขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น บ้านพักคนชรา หรือ บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ ซึ่งถ้าหากลองศึกษาโครงการเหล่านี้ดีๆ ย่อมถือเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้กับชีวิตในบั้นปลาย



แต่ก่อนอื่น พี่ๆ รู้ไหมว่า บ้านพักคนชรา และ บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ มีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเราที่สุด วันนี้ยังแฮปปี้ได้ทำตารางเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายสุดๆ มาฝากกันค่ะ&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/บ้านพักคนชรา2-04-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51376"/></figure>



ค่าใช้จ่าย



บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ มีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น ขายสิทธิการอยู่อาศัย 30 ปี หรือขายสิทธิการอยู่อาศัยตลอดชีวิต โดยมีช่วงราคาตั้งแต่ 200,000 บาท ไปจนถึงราคา 6,900,000 บาท ขึ้นอยู่กับระดับของโครงการ



บ้านพักคนชรา ปล่อยเช่ารายเดือน ขั้นต่ำเริ่มต้นที่ประมาณ 1,500 บาทต่อเดือน ไปจนถึง 85,000 บาทต่อเดือนก ขึ้นอยู่กับโครงการ รูปแบบห้อง และความยากง่ายในการดูแลของผู้สูงอายุแต่ละราย



ลักษณะการดูแล



บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก เรียกใช้งานได้ในเวลาฉุกเฉิน&nbsp;



บ้านพักคนชราส่วนใหญ่มีพยาบาลวิชาชีพดูแลตลอด 24 ชม.&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/บ้านพักคนชรา2-05-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51377"/></figure>



การให้บริการ



บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ มีส่วนกลางให้ใช้ ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส กิจกรรมเพิ่มเติมให้ผู้สูงอายุ เช่น คลาสเรียนโยคะ หรือมีบริการรถรับ-ส่งไปแหล่งช้อปปิ้งตามเวลาที่โครงการกำหนด



บ้านพักคนชรามีบริการอาหารครบ 3 มื้อ การดูแลทำความสะอาด ซักผ้า รวมถึงการจัดกิจกรรมให้ผู้สูงอายุเข้าร่วม



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/บ้านพักคนชรา2-06-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51378"/></figure>



เหมาะกับใคร?



บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่สามารถดูแลตัวเองได้ดี ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีการออกแบบเพื่อผู้สูงอายุ มีสังคมคนวัยเดียวกัน และมีการบริการที่เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ



บ้านพักคนชราเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และต้องการพยาบาลคอยดูแลเรื่องความเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร หรือเข้าห้องน้ำ&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/บ้านพักคนชรา2-08-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51379"/></figure>



สุดท้ายนี้ จะเห็นได้ว่า การเลือกอยู่บ้านเดิม บ้านพักคนชราหรือบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ มีข้อดีแตกต่างกันไป ซึ่งสิ่งสำคัญคือการที่พี่ๆ ผู้สูงอายุมีความเข้าใจในสถานะความเป็นอยู่ของตน และสามารถเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตวัยเกษียณในแบบฉบับของตัวเองได้ดีที่สุดนั่นเอง

รู้ไว้ใช่ว่า... บ้านพักคนชรา VS บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ

ตั้งปณิธานปีใหม่ไว้ แต่ไม่ทันพ้นสัปดาห์ ก็หลงลืม รู้จักการใช้สมุดบันทึก หรือการเขียน BuJo (Bullet Journal) ที่จะช่วยให้พิชิตเป้าหมายได้

เคยไหมนะ ตั้งปณิธานปีใหม่ไว้เสียดิบดี เช่น อยากจะลดน้ำหนัก อยากจะกินของที่มีประโยชน์ อยากเป็นคนที่ใจเย็นขึ้น แต่ไม่ทันพ้นสัปดาห์ ก็หลงลืมหรือไม่ได้ทำตามแผนที่วางเอาไว้เสียแล้ว



หากพี่ๆ เป็นคนหนึ่งที่มักจะเจอปัญหาลักษณะนี้อยู่บ่อยๆ ก็อย่าเพิ่งท้อใจไปนะคะ เพราะวันนี้ยังแฮปปี้มีของวิเศษที่จะมาช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการพิชิตเป้าหมายในปีนี้ มาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ซึ่งของวิเศษที่ว่านี้ก็คือ ‘สมุดบันทึก’ นั่นเอง



ลองมาดูกันว่า การใช้สมุดบันทึกและการจดบันทึก ด้วย การเขียน BuJo (Bullet Journal) จะช่วยให้วัยเก๋าพิชิตเป้าหมายได้อย่างไร ไปติดตามกันได้เลย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/Bujo-04-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51349"/></figure>



BuJo สารพัดประโยชน์ในเล่มเดียว



BuJo (Bullet Journal) หรือ บูโจ คือวิธีการจดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างลงในสมุด 1 เล่มอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว ระบบที่ว่าถูกคิดค้นขึ้นมาโดย Ryder Carroll นักออกแบบผลิตภัณฑ์ดิจิทัลชาวออสเตรีย ซึ่งแนวคิดบูโจนี้ ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ <a href="https://bulletjournal.com/">bulletjournal.com</a> ตั้งแต่ปี 2013 และเป็นที่ยอมรับจากผู้คนทั่วโลก ว่าวิธีการบันทึกนี้ ช่วยให้พวกเขาจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น สามารถตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิตได้ และรู้ว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นที่จะต้องให้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต&nbsp;



สำหรับสมุดที่ใช้ในการบันทึกแบบบูโจ ขอแนะนำให้ใช้สมุดปกแข็ง เพราะเป็นสมุดที่ต้องอยู่กับเราทั้งปี จึงต้องทนไม้ทนมือสักหน่อย จะเป็นแบบมีเส้นหรือไม่มีเส้นก็ได้ ตามความชอบของเราได้เลย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/Bujo-05-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51350"/></figure>



หลักการเบื้องต้นในการเขียนบูโจ



การจดบันทึกแบบบูโจไม่ยาก แต่ช่วงแรกๆ เราอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจระบบและหลักการเขียน 5 องค์ประกอบหลักๆ ดังต่อไปนี้



1.สารบัญ (Index) สร้างหน้าสารบัญขึ้นมาในหน้าแรกๆ ของสมุด ใส่หัวข้อและเลขหน้า เพื่อความง่ายในการสืบค้นบันทึกภายในสมุด



2.เป้าหมายในอนาคต (Future Log) เขียนเป้าหมายและภาพรวมของปีนี้ หากรู้งานใหญ่ๆ ที่ต้องทำหรือกิจกรรมใหญ่ๆ ที่ต้องเข้าร่วมล่วงหน้า ก็จดลงไปได้เลย เพื่อที่จะวางแผนอื่นๆ เพิ่มเติมให้สอดคล้องกับเป้าหมายของเราได้



3.สิ่งที่ต้องทำประจำเดือน (Monthly Log) ลงรายละเอียดในแต่ละวันว่ามีอะไรที่ต้องทำบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ต้องเข้าร่วม นัดกินข้าวกับครอบครัว หรือนัดไปเที่ยวกับเพื่อน&nbsp;



4.สิ่งที่ต้องทำและไอเดียต่างๆ (Weekly/ Daily Log) รายละเอียดของสิ่งที่ต้องทำในแต่ละสัปดาห์และแต่ละวัน โดยตรงจุดนี้จะมีการใช้สัญลักษณ์ (Key) ในการกำกับความสำคัญ หรือสถานะของกิจกรรมนั้นๆ ได้แก่



• คือ สิ่งที่ต้องทำในวันนั้น&nbsp; O คือ กิจกรรมหรือเหตุการณ์ – คือ จดโน้ตช่วยจำสั้นๆ&nbsp; *&nbsp; คือ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ&nbsp; !&nbsp; คือ แรงบันดาลใจหรือไอเดียต่างๆ



5.หมวดหมู่ (Collection) พื้นที่รวบรวมไอเดียที่กระจัดกระจายอยู่ในสมุด นำมารวมอยู่ในที่เดียวกัน เพื่อง่ายต่อการทบทวน ย้ำเตือนและจดจำ



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/Bujo-06-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51351"/></figure>



ทำไมจึงควรจดบันทึกด้วยมือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;



จริงๆ แล้ว การเขียนบูโจ ไม่ได้บังคับว่าต้องจดลงสมุดเท่านั้น เราสามารถทำใส่ในคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือมือถือก็ได้ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอด จะไม่ปล่อยให้เราจดจ่อกับเรื่องตรงหน้าได้เต็มที่ แต่กับหน้าสมุดเปล่าๆ จะไม่มีสิ่งรบกวนที่ทำให้เราเสียสมาธิ สมองของเราจะได้พักทบทวนเรื่องต่างๆ และจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น



สุดท้าย การเขียน Bujo เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้พี่ๆ สามารถวางแผน ตรวจสอบ และทบทวนผลลัพธ์ของสิ่งที่อยากทำ ว่ายังอยู่บนเส้นทางที่มุ่งสู่เป้าหมายของตัวเองหรือไม่ ส่วนเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ คือการที่เราใช้เวลาในการวางแผนให้ตรงจุดและกระชับที่สุด พยายามทำตามแผนที่วางไว้ให้ครบ ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาเพื่อนำมาปรับปรุงปัจจุบันให้ดีขึ้น ไม่กดดันตัวเอง และมีความสุขกับทุกย่างก้าวที่ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในทุกๆ วัน



สุดท้ายนี้ ยังแฮปปี้ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆ ผู้สูงอายุทุกคนในการพิชิตเป้าหมายในปีนี้นะจ๊ะ



อ้างอิง <a href="https://www.buzzfeed.com/rachelwmiller/how-to-start-a-bullet-journal">https://www.buzzfeed.com/rachelwmiller/how-to-start-a-bullet-journal</a> <a href="https://www.goodhousekeeping.com/life/a25940356/what-is-a-bullet-journal/">https://www.goodhousekeeping.com/life/a25940356/what-is-a-bullet-journal/</a>

จัดระเบียบชีวิต พิชิตเป้าหมายปีนี้ ด้วยการเขียน BuJo (Bullet Journal)

ยังแฮปปี้มี หนังสือสำหรับผู้สูงอายุ มาแนะนำให้อ่าน รับรองว่าเหมาะจะซื้อมาอ่านในช่วงที่ต้องอยู่บ้านนานๆ เป็นอย่างยิ่ง

ใครๆ ก็รู้ว่าการอ่านหนังสือมีประโยชน์มากมาย นอกจากจะได้ความสนุกและความรู้แล้ว สำหรับผู้สูงอายุ การอ่านหนังสือยังมีส่วนในการช่วยพัฒนาระบบความจำของสมอง ลดความเครียด และทำให้นอนหลับง่ายขึ้นอีกด้วย ข้อดีเยอะขนาดนี้ หวังว่าพี่ๆ คงจะอยากสั่งซื้อหนังสือมาอ่านกันบ้างแล้ว



แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะอ่านอะไร ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะวันนี้ ยังแฮปปี้มี หนังสือสำหรับผู้สูงอายุ มาแนะนำให้พี่ๆ ถึง 3 เล่ม รับรองว่าเหมาะจะซื้อมาอ่านในช่วงที่ต้องอยู่บ้านนานๆ เป็นอย่างยิ่ง ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/หนังสือ-04-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51336"/></figure>



คู่มือผู้สูงวัย เขียนโดย ฮิระมะสึ รุอิ&nbsp; สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์ ราคา 245 บาท



เล่มแรกขอประเดิมด้วย ‘คู่มือผู้สูงวัย’ หนังสือแปลจากภาษาญี่ปุ่น เขียนโดย ฮิระมะสึ รุอิ จักษุแพทย์ผู้คลุกคลีกับผู้สูงอายุมามากกว่าแสนคน เขาพบเห็นปัญหาเกี่ยวกับผู้สูงอายุทั้งจากประสบการณ์ตรง ญาติของผู้สูงอายุ และตัวผู้สูงอายุเอง หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกายหรือจิตใจ รวมถึงวิธีรับมือที่ถูกต้อง สอดคล้องกับหลักการแพทย์อีกด้วย



‘คู่มือผู้สูงวัย’ เป็นหนังสือที่อ่านได้ทุกวัย ในแต่ละบทจะกล่าวถึงปัญหาซึ่งมักเกิดขึ้นระหว่างผู้สูงอายุและลูกหลาน เหตุผลที่ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เพราะอายุที่มากขึ้น การกระทำของลูกหลานต่อผู้สูงอายุ เพราะยังไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานั้น สิ่งที่ผู้สูงอายุและลูกหลานควรทำความเข้าใจต่อกัน และวิธีประพฤติตัวหรือรับมือที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้สูงอายุและครอบครัวเรียนรู้ซึ่งกันและกันและอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเข้าใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/หนังสือ-05-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51337"/></figure>



Healthy Aging สูงวัยอย่างมีคุณภาพ เขียนโดย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ สำนักพิมพ์ openbooks ราคา 350 บาท



เล่มที่สอง ‘Healthy Aging สูงวัยอย่างมีคุณภาพ’ หนังสือที่รวบรวมข้อมูลและงานวิจัยชั้นนำของโลกที่ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ได้ไปศึกษาค้นคว้ามา พร้อมกับตอบคำถามสำคัญที่ตั้งไว้ว่า ทำอย่างไร เราจึงจะเกิด แก่ แล้วตาย โดยมีความเจ็บป่วยมาแทรกแซงน้อยที่สุด ซึ่งแต่ละข้อสรุปได้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงจนเกิดผลสำเร็จด้วยตัวเองมาแล้ว&nbsp;&nbsp;



‘Healthy Aging สูงวัยอย่างมีคุณภาพ’ เป็นหนังสือที่อ่านได้ทุกวัย โดยเฉพาะคนที่กำลังอยู่ในวัยทำงาน หรือเตรียมตัวจะเกษียณ หนังสือเล่มนี้พูดถึง กฎเหล็ก 5 ข้อที่ถ้าเราทำได้ จะทำให้มีอายุยืนยาวมากยิ่งขึ้น, เคล็ดลับการกินน้อยซึ่งจะทำให้มีสุขภาพร่างกายที่ดี, การออกกำลัง ควรจะออกอย่างไรและเท่าไรจึงเรียกว่าพอดี, การนอนหลับที่ดีต้องนอนอย่างน้อยกี่ชั่วโมง, และแนวทางการวิจัยที่นำไปสู่ยารักษาความชราในอนาคต



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/หนังสือ-06-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-51338"/></figure>



อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป เขียนโดย ซะซะกิ ฟุมิโอะ&nbsp; สำนักพิมพ์ สเต็ปส์ ราคา 225 บาท



สำหรับหนังสือเล่มสุดท้าย ‘อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป’ หนังสือเล่มนี้ชวนให้ทุกคนกลับมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น และให้ลองตัดสิ่งที่ไม่สำคัญออกจากชีวิตเสียบ้าง อย่างข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาเก็บไว้ในบ้านหรือในห้องนานแล้ว แต่ไม่เคยนำมาใช้สักที ซึ่งผู้เขียน ซะซะกิ ฟุมิโอะ รับประกันเลยว่า หากปฏิบัติตามวิถีมินิมอลนี้ ชีวิตจะดีขึ้นอย่างแน่นอน&nbsp;



‘อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป’ จะปรับความคิดของเราให้สนใจเรื่องวัตถุน้อยลง ผลักดันให้รู้จักความสุขจากการมีข้าวของน้อยชิ้น มีเวลาที่จะสนุกกับชีวิตและสัมผัสตัวตนของตัวเองมากขึ้น ไม่ต้องคอยเปรียบเทียบตัวเองกับใคร รู้จักที่จะประหยัด เป็นมิตรกับธรรมชาติ ช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้น มีจิตใจที่สงบสุขมากขึ้น รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำง่ายมากๆ เพียงแค่ทิ้งข้าวของที่ไม่จำเป็นเท่านั้นเอง



เป็นอย่างไรบ้างคะกับหนังสือ 3 หนังสือสำหรับผู้สูงอายุ ที่ยังแฮปปี้มานำเสนอ พี่ๆ เคยอ่านเล่มไหนแล้วบ้าง หรือมีหนังสือเล่มไหนที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆ ชาวยังแฮปปี้อ่าน อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะจ๊ะ

ไลฟ์สไตล์