เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่เพิ่งเข้าโรงฉายในบ้านเรา ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมของสังคมสูงวัยที่ทั่วโลกกำลังเผชิญได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับพี่ๆ วัยเก๋า นั่นก็คือเรื่อง 'Plan 75' ซึ่งทีมงานยังแฮปปี้ได้ไปชมมาเรียบร้อย จึงอยากจะมาแชร์แง่มุมดีๆ ที่เก็บเกี่ยวได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ได้อ่านกัน
ภาพยนตร์บอกเล่าถึงสังคมสูงวัยในประเทศญี่ปุ่นในอนาคตอันใกล้ เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายใหม่ที่มีชื่อว่า Plan 75 เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนสูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายของประเทศในการดูแลผู้สูงอายุ ด้วยการยื่นข้อเสนอให้ประชาชนที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนขอความช่วยเหลือในการปลิดชีวิตตัวเองหรือการการุณยฆาต พร้อมรับเงินชดเชยเป็นจำนวนเงิน 1 แสนเยน และสวัสดิการต่างๆ มากมาย
ตัวละครหลักของเรื่องคือ มิจิ หญิงชราวัย 78 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ไม่มีลูกหลาน ทำงานหาเลี้ยงชีพเป็นพนักงานทำความสะอาด ก่อนจะถูกเชิญออกจากงานกระทันหัน จึงตัดสินใจเข้ารวมโครงการ Plan 75 ทำให้เธอได้พบกับ ยูโกะ หญิงสาวพนักงานให้คำปรึกษาของโครงการ ที่ช่วยให้เธอมองเห็นแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง ในขณะที่อีกหนึ่งตัวละครสำคัญคือ ฮิโรมุ ชายหนุ่มเจ้าหน้าที่รับสมัครของโครงการ ซึ่งต้องกลับมาดูแลคุณลุงแท้ๆ ของตัวเองที่สมัครเข้าร่วมโครงการเช่นกัน ทำให้เขาได้เข้าใจความรู้สึกบางอย่างของคุณลุงที่เขาไม่เคยได้รู้จักมาเลยก่อนหน้านี้
มุมมองของภาพยนตร์ได้สะท้อนถึงการแก้ปัญหาสังคมสูงวัย ที่อาจจะหนักหน่วงและรุนแรงไปสักหน่อย แม้ว่าจะเป็นโครงการที่ไม่ได้เป็นการบังคับก็ตามที การที่มีตัวละครหลักที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเรื่อง คือสัญญะที่สะท้อนถึงการมองเห็นคุณค่าของผู้สูงอายุ โดยไม่ใช้ตัวเลขของอายุเป็นตัวตัดสิน เพียงแค่ได้ลองทำความเข้าใจและเปิดใจดูสักครั้ง เพราะผู้สูงอายุทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
ยังแฮปปี้ขอไม่เล่าถึงตอนจบของภาพยนตร์ว่าเป็นอย่างไร แต่ขอยืนยันว่าสิ่งที่ทีมงานยังแฮปปี้กำลังตั้งใจทำอย่างมาก คือการทำให้พี่ๆ เป็นวัยเก๋าที่แอคทีฟ มองเห็นคุณค่าของตัวเองอยู่เสมอ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะอายุเท่าไร และสร้างให้สังคมสูงวัยในประเทศไทยเรา เป็นสังคมสูงวัยคุณภาพ ไม่ว่าช่วงวัยไหนก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างแฮปปี้
ภาพยนตร์เรื่อง 'Plan 75' ยังคงมีฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ทั่วไป แต่รอบอาจจะน้อยสักหน่อย
พี่ๆ คนไหนที่ดูแล้ว อย่าลืมมาแชร์ความเห็นหลังชมกันนะจ๊ะ

รีวิวภาพยนตร์ Plan 75 คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยอายุ

เมื่อวันเกิดเวียนมาถึง หลายคนอาจเฉลิมฉลองวันเกิดด้วยการทำบุญ รับประทานอาหารร่วมกันกับครอบครัว ออกไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ซื้อของขวัญที่ตัวเองอยากได้ เป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ให้กับชีวิตที่ได้เติบโตผ่านนานาอุปสรรคมาอีก 1 ปี
.
แต่ที่ประเทศออสเตรเลีย คุณทวดท่านหนึ่ง ตัดสินใจฉลองวันเกิดให้กับตัวเองต่างออกไปจากคนวัยเดียวกัน ด้วยการกระโดดร่มดิ่งพสุธาเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง
.
กิจกรรมนี้ไม่เพียงสร้างความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจให้กับคุณทวดเท่านั้น แต่เบื้องหลังยังมีเรื่องราวบันดาลใจที่ทำให้คุณทวดตัดสินใจทำในสิ่งที่ท้าทายแบบนี้ เราไปรู้จักนักกระโดดร่มวัยเก๋าคนนี้ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
.

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/06/yh-senior-oldest-skydiver_aw.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

นักกระโดดร่มที่อายุมากที่สุดในโลก
<h1>ไอรีน โอเช่ (Irene O'Shea) คุณทวดวัย 100 ปี ชาวออสเตรเลีย ฉลองวันเกิดของตัวเองด้วยการกระโดดร่มเป็นครั้งแรก วันนั้นเธอสวมเสื้อสเวตเตอร์ถักที่เธอชอบ ขึ้นเครื่องบินไปกับนายแพทย์ประจำตัว และตัดสินใจกระโดดลงมาจากความสูง 14,000 ฟุต หรือประมาณ 4,300 เมตร ผ่านท้องฟ้าทางตอนใต้ของออสเตรเลีย ทั้งคู่กระโดดลงมาที่ความเร็ว 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก่อนจะลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย ทำให้คุณทวดไอรีนได้รับบันทึกใน สถิติโลกกินเนสส์ หรือ กินเนสส์บุ๊ก (Guinness Book of World Records) ว่าเป็นนักกระโดดร่มวัยเก๋าที่มีอายุมากที่สุดในโลก</h1>
<h1>.</h1>

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/06/yh-senior-oldest-skydiver_aw%20copy.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

ก้าวนี้เพื่อลูก
<h1>เบื้องหลังกิจกรรมสุดท้าทายนี้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อความสนุก ตื่นเต้นของคุณทวดไอรีนเท่านั้น แต่คุณทวดต้องการสร้างความตระหนักรู้และระดมทุนให้กับผู้ป่วยโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม (motor neurone) หรือกลุ่มโรคที่มีลักษณะอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ประสาทสั่งการไม่ได้นั่นเอง โรคนี้ได้คร่าชีวิตของลูกสาววัย 67 ของเธอไป เธอตั้งเป้าไว้ว่าการกระโดดร่มครั้งนี้จะสามารถระดมเงินได้ประมาณ 7,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 250,000 บาท) โดยเงินจะถูกส่งไปยัง<a href="https://www.mndsa.org.au/Home.aspx" target="_self">สมาคมโรคเซลล์ประสาทมอเตอร์แห่งเซาท์ออสเตรเลีย</a>ที่ จัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมเงินที่ได้จากบริจาคในครั้งนี้ </h1>
<h1>ความกล้าหาญของ คุณทวดไอรีน คือเครื่องพิสูจน์ถึงความรักที่ไม่สิ้นสุดของแม่และความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้งของเธอที่ไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมโลกต้องพบเจอเหตุการณ์เดียวกับลูกสาวของเธอ.</h1>
<h1></h1>
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/06/yh-senior-oldest-skydiver_aw%20copy%202.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

<h1>ปฏิกิริยาของครอบครัว</h1>
พี่ๆ คงสงสัยว่าแล้วครอบครัวของคุณทวดจะไม่กังวลหรือ ที่อยู่ดีๆ คุณทวดก็ตัดสินใจไปกระโดดร่มแบบนั้น แน่นอนว่าจากการสัมภาษณ์ครอบครัวของคุณทวด ประกอบด้วยหลาน 5 คน และเหลน 11 คน ทุกคนต่างบอกว่าในตอนแรกนั้นพวกเขาอดรู้สึกตกใจและกังวลไม่ได้ ทั้งยังไม่สนับสนุนการแสดงโลดโผนเช่นนี้อีกด้วย แต่เมื่อทราบถึงความตั้งใจแท้จริงของคุณทวด ทุกคนก็เคารพในการตัดสินใจอันกล้าหาญของเธอ ในวันที่คุณทวดดิ่งพสุธา ครอบครัวของเธอพากันไปยืนรอเพื่อให้กำลังใจเธอจากผืนดิน 
.

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/06/yh-senior-oldest-skydiver_aw%20copy%203.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

คุณทวดไอรีนตอนนี้ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดี ขับรถเองและไม่ต้องใช้แว่นอ่านหนังสือ เธอยังให้สัมภาษณ์กับสื่อแห่งหนึ่งว่าเมื่ออายุครบ 105 ปี เธอจะกระโดดร่มอีกครั้ง! ยังแฮปปี้ได้แต่ส่งกำลังใจให้คุณทวดไอรีนได้ฉลองวันเกิดแบบที่หวังไว้ และเราจะไม่ลืมนำข่าวของคุณทวดมาเล่าสู่กันฟังกับพี่ๆ ยังแฮปปี้อีกแน่นอน
<h1> </h1>
<h1> </h1>
<h1><a href="https://abcnews.go.com/International/102-year-oldest-skydiver-world-jumping-charity/story?id=59729667" target="_self"><ins>https://abcnews.go.com/International/102-year-oldest-skydiver-world-jumping-charity/story?id=59729667</ins></a> </h1>

คุณทวด 100 ปี ดิ่งพสุธาฉลองวันเกิดทุบสถิติโลก!

เราทุกคนต่างมีความฝันในวัยเยาว์ เมื่อเวลาผ่านไป อายุมากขึ้นความชอบ ความสนใจ สิ่งรอบตัวก็อาจทำให้เรามองความฝันเปลี่ยนไป บางคนค้นพบความฝันใหม่ที่ตรงใจตัวเองมากกว่าเดิม หรือบางคนก็เลือกที่จะเก็บความฝันวัยเยาว์ไว้เป็นความฝันตลอดไป
.
แต่ไม่ใช่ 'มากี สคิว' (Magi Sque) วัย 74 ปี ที่แม้จะทำงานพยาบาลและอาจารย์มหาวิทยาลัยมาอย่างยาวนาน และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่เธอก็ไม่เคยลืมความฝันในวัย 17 ปีของเธอ ที่อยากจะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองและในที่สุดเธอก็สามารถ ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ 'Magi Rose' ได้สำเร็จในวัย 71 ปี
.
จากอดีตพยาบาลและอาจารย์มหาวิทยาลัย สู่เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าในวันนี้ เธอต้องเผชิญกับอะไรมากมาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตครอบครัวและยังต้องเริ่มต้นศึกษาการทำธุรกิจในหลังวัยเกษียณอีกด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ 
ยังแฮปปี้ขอพาพี่ๆ ไปรู้จักเรื่องราวที่น่าสนใจของเธอว่าเธอก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต และพิชิตความฝันของตัวเองสำเร็จอย่างน่ามหัศจรรย์ได้อย่างไร เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้วัยเก๋าทุกคน ได้กลับมามองความฝันของตัวเองและจุดไฟให้โชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง 
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/06/magi_aw.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

ความฝันที่เบ่งบานในร้านขายเสื้อผ้า
จุดเริ่มต้นของความฝันเกิดขึ้นในร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ชื่อว่า ‘คาลิปโซ’ 
มากี ในวัย 17 ปี ช่วยแม่หารายได้ด้วยการทำงานพาร์ทไทม์ทุกวันเสาร์ที่ร้านแห่งนี้แลกกับเงินค่า จ้าง 5 ปอนด์ หรือประมาณ 214 บาท การได้สัมผัสผ้าฝ้ายและรูปแบบผ้าใหม่ๆ ทุกวันคือสิ่งที่จุดประกายความฝันของเธอ นอกจากนี้เธอยังเก็บเงินสําหรับเดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อเรียนต่อพยาบาลจากการทำงานนี้อีกด้วย
.
มากีออกเดินทางไปเรียนพยาบาลที่ประเทศอังกฤษด้วยเรือโดยสาร ในกระเป๋าของเธอมีฮู้ดกำมะหยี่สีแดงจากร้านคาลิปโซ เป็นตัวแทนความฝันพกติดตัวไปด้วย ไม่นานมากี้ก็สำเร็จการศึกษาด้านการพยาบาล หลังจากนั้นเธอได้พบกับสามีคนแรก ทว่าหลังใช้ชีวิตคู่ได้ 8 ปีก็ต้องหย่าร้างกัน มากีย้ายไปแคนาดากับลูกสาวของเธอ และเริ่มทำงานที่โทเรนโต ที่นั่นเธอได้พบกับสามีคนที่สอง และนั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง มากีลงเรียนวิชาเอกเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาแก่ผู้บริจาคอวัยวะกรณีสมองตาย เธอบอกว่า เธอรู้สึกเหมือนมีนิมิตบางอย่างส่งมาจากสวรรค์เพื่อบอกกับเธอว่า ‘นี่คือสิ่งที่เธอต้องทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น’ และเธอก็ได้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลในด้านนี้ 
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/06/magi_aw%20copy.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
 
ลาออกจากงาน ของขวัญวันเกิดวัย 70 
เป็นเวลาห้าสิบปีที่มากีเป็นพยาบาลและผู้ฝึกสอน ในที่สุดเธอก็กลายเป็นศาสตราจารย์กิตติคุณที่มหาวิทยาลัยวูล์ฟแฮมป์ตัน เธอสอนนักศึกษามากมายให้เป็นพยาบาลมืออาชีพ แต่เมื่อวันเกิดครบรอบ 70 ปีของเธอมาถึง มากีก็อุทานกับตัวเองว่า "ถึงเวลาที่ต้องก้าวต่อไปแล้ว" และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอเริ่มลงมือทำตามความฝันในวัยเยาว์ให้สำเร็จ ช่วงแรกเป็นเวลาที่ต้องใช้ความพยายามมากสำหรับมากี เพราะเธอไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน เธอใช้เวลาช่วงวันหยุดจากงาน ศึกษาการทำธุรกิจ 2 ปีต่อมา มากีในวัย 71 ปี ก็สร้างแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองได้สำเร็จ ภายใต้แนวคิดที่ว่า ‘สวมใส่สนุกทั้งวันหยุดและวันทำงาน’ ซึ่งตรงกับชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่งของเธอ 
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/06/magi_aw%20copy%202.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

จากห้องเสื้อที่ประสบความสำเร็จ สู่ธุรกิจเพื่อการกุศล 
วันนี้มากีอายุย่างเข้า 74 ปีแล้ว แต่เธอยังคงออกแบบเสื้อผ้า ตัดเย็บเอง และไม่หยุดที่จะพัฒนาธุรกิจของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจ มากีบอกว่าครอบครัวคือแรงใจสำคัญเพราะพวกเขาเชื่อมั่นในตัวเธอเสมอ ว่าเธอสามารถทำมันได้ สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการทำตามความฝัน คือมากีต้องการทำให้ธุรกิจของเธอเป็นแฟชั่นเพื่อการกุศล โดยเธอบริจาครายได้จากการขายให้กับโรงพยาบาลในจาเมกาทั้งหมด
.
ความพยายามอุตสาหะมาตลอดชีวิตทำให้มากีประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความฝันและความรัก เธอไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง เธอพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอ นอกจากนี้เธอยังมีครอบครัวเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ให้เธอทำตามความฝันได้สำเร็จ 
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าอายุเท่าไร ขอเพียงมีแรงกาย แรงใจที่มุ่งมั่น รับรองว่าไม่สายเกินไปที่จะลงมือทำความฝันให้กลายเป็นความจริง
 อ้างอิง https://www.theguardian.com/lifeandstyle/2022/mar/14/a-new-start-after-60-i-always-wanted-my-own-clothing-brand-at-71-i-got-it

‘มากี สคิว’ ผู้ทำตามฝันสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง ได้สำเร็จในวัย 71 ปี 

พี่ๆ เคยไหม อ่านหนังสือ หรือดูภาพยนตร์สักเรื่องแล้วรู้สึกประทับใจ จนจินตนาการว่าวันหนึ่งฉันจะทำแบบตัวละครในหนังสือหรือภาพยนตร์บ้าง วันนี้ยังแฮปปี้จะพาไปรู้จักคุณยายยอดนักอ่านท่านหนึ่งที่หลงใหลในการอ่านและเรื่องราวการผจญภัยจนนำไปสู่การออกเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ที่โลกต้องจารึก
.
คุณยายท่านนี้ชื่อ เวียนนา แคมมาโรตา (Vienna Cammarota) ชาวอิตาเลียนวัย 72 ปี ท่านเป็นนักอ่านและนักเดินทางตัวยง คุณยายเคยเดินทางจากเนปาลไปพิชิตภูเขาเอเวอร์เรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ตามบันทึกในพระคัมภีร์ไบเบิล ต่อด้วยการพิชิตเทือกเขาแอลป์ ประเทศอิตาลี ตามหนังสือของนักปรัชญาชาวเยอรมันที่บันทึกการหลงทางข้ามเทือกเขาแห่งนี้เอาไว้
.
และในปี 2565 นี้ คุณยายเวียนนาได้ตัดสินใจทำตามความฝันที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการออกเดินทางผจญภัยอีกครั้ง ครั้งนี้คุณยายเวียนนาออกเดินทางตามรอยพ่อค้าชาวเวนิสในตำนาน มาร์โค โปโล (Marco Polo) ผู้เขียนหนังสือ เรื่อง ‘บันทึกการเดินทางของ มาร์โค โปโล’ (The Travels of Marco Polo) เขาบรรยายถึงเส้นทางที่ชื่อว่า ‘เส้นทางสายไหม’ ซึ่งหากจะตามรอยพ่อค้ารายนี้จะต้องเดินทางข้ามทวีปกันเลยทีเดียว 
.
การเดินทางผจญภัยของคุณยายเวียนนาเริ่มขึ้นในเช้าวันที่ 26 เมษายน 2565 โดยคุณยายออกเดินทางจากเมืองเวนิส ประเทศอิตาลีมีจุดหมายปลายทางคือ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยจะเดินทางด้วยเท้า และจะไม่ใช้ Google map แอปพลิเคชันแผนที่ช่วยนำทาง แต่จะยึดเส้นทางที่มาร์โค โปโลบรรยายไว้ในหนังสือเท่านั้น 

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/05/315250.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

คุณยายจะต้องเดินเท้าข้ามทวีป ตั้งแต่ตะวันออกกลาง และเอเชีย ผ่าน 15 ประเทศ ได้แก่ โครเอเชีย เซอร์เบีย บัลแกเรีย ตุรกี จอร์เจีย อิหร่าน เติร์กเมนิสถาน อาเซอร์ไบจาน อุซเบกิสถาน คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน มองโกเลียและสิ้นสุดลงที่ประเทศ จีน เป็นระยะทางกว่า 13,670 ไมล์ หรือ 22,000 กม. คาดว่าจะใช้เวลาเดินทางราวๆ 4 ปีจึงจะถึงจุดหมาย นั่นหมายความว่าคุณยายเวียนนาจะได้เป่าเค้กฉลองวันเกิดของตัวเองที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ตอนอายุ 75 ปี 
.
การเดินทางครั้งนี้ของคุณยาย เต็มไปด้วยความท้าทายเพราะนอกจากระยะทางที่ยาวไกลแล้ว คุณยายจะต้องเดินเท้าผ่านสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่ทั้งแตกต่างกันและอันตราย เช่น การเดินทางผ่านมองโกเลียในฤดูหนาว ซึ่งจะต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่ลดต่ำกว่า 20 องศา

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/05/315252.jpg" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

"ฉันต้องการแสดงให้ผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงเห็นเป็นแบบอย่าง เพราะ ผู้หญิงหลายคนมักจะละทิ้งความฝันของพวกเขาโดยเฉพาะในวัยสูงอายุ ซึ่งนั่นไม่ถูกต้อง เมื่อฉันมาถึงปักกิ่งฉันจะอายุ 75 ปี แต่ฉันแน่ใจว่าฉันสามารถเดินทางไกลได้ ฉันไม่อายที่จะผจญภัย" คุณยายเวียนนากล่าวให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงพลังของผู้สูงอายุที่แข็งแรงทั้งกายและใจ คุณยายปรารถนาจะทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จและหวังจะจุดประกายความฝันให้คนอื่นๆ ด้วย
.
คุณยายเวียนนาออกเดินทางพร้อมกระเป๋าเป้ที่หนักถึง 10 กิโลฯ ข้างในบรรจุข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เช่น โทรศัพท์พร้อมแอปพลิเคชันที่แพทย์ประจำตัวของเธอจะสามารถตรวจสอบสุขภาพของเธอเป็นระยะๆ ได้จากทางไกล มีกล้องบันทึกภาพสำหรับบันทึกเรื่องราวขณะเดินทาง และของอื่นๆ อีก 2-3 ชิ้น ลูกๆ และหลานของคุณยายให้ความสนับสนุนเต็มที่ พวกเขาจะคอยส่ง อาหารและพัสดุเพื่อให้คุณแม่และคุณยายอันเป็นที่รักทำตามความฝันได้สำเร็จ
.
พี่ๆ คงได้เห็นแล้วว่า ไม่มีคำว่าสายเกินไปหากจะวิ่งตามความฝัน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ก็ทำตามความฝัน ทำในสิ่งที่รักได้เสมอ การผจญภัยอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างคุณยายท่านนี้ แค่การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ทดลองทำอาหารเมนูใหม่ๆ หรือฝึกเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ฯลฯ ก็ถือว่าเป็นการผจญภัยแล้ว ขอเพียงแค่พี่ๆ ใส่ใจในสุขภาพ รักษาร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง พร้อมรับมือกับการเรียนรู้ก็พอ ที่สำคัญก็คืออย่าลืมแบ่งปัน ความฝัน ความสุขให้คนในบ้านบ้าง เพราะครอบครัวคือเป็นส่วนสำคัญที่จะสนับสนุนให้พี่ๆ ได้ทำตามความฝัน หรือออกผจญภัยอย่างมีความสุข
 
อ้างอิง
<a href="https://www.theguardian.com/world/2022/apr/26/72-year-old-woman-to-walk-marco-polos-path-from-venice-to-beijing" target="_self">https://www.theguardian.com/world/2022/apr/26/72-year-old-woman-to-walk-marco-polos-path-from-venice-to-beijing</a>
<a href="https://www.nzherald.co.nz/travel/italian-grandmother-sets-off-on-22000km-walk-in-footsteps-of-marco-polo/VACLCVOHGBPAC4QU5OG5R5HWAE" target="_self">https://www.nzherald.co.nz/travel/italian-grandmother-sets-off-on-22000km-walk-in-footsteps-of-marco-polo/VACLCVOHGBPAC4QU5OG5R5HWAE</a>
<a href="https://apa.at/news/italienerin-wandert-von-venedig-bis-peking" target="_self">https://apa.at/news/italienerin-wandert-von-venedig-bis-peking</a>

เวียนนา แคมมาโรตา นักเดินทางชาวอิตาเลียนกับภารกิจเดินเท้าข้ามทวีป ในวัย 72 ปี!

“อันนู้นทำไม่ได้… อันนี้ทำไม่ได้… อย่าทำแบบนั้นมันอันตรายเกินไป” พี่ๆ หลายคนอาจเจอประโยคเหล่า นี้จากคนใกล้ตัว ที่กังวลว่ากิจกรรมบางอย่างไม่เหมาะกับเรา หรือช่วงวัยของเราไม่เหมาะจะทำกิจกรรมนั้นๆ แล้ว
 
แต่คำว่า ‘อายุเป็นเพียงตัวเลข’ ยังคงเป็นอมตะเสมอ มีผู้คนมากมายจากทั่วโลกพิสูจน์ให้เราเห็นผ่านภาพเหล่านี้ว่า ไม่ว่ากาลเวลาจะเดินหน้าไปมากแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งความสุข ความสนุกและความเยาว์วัยในจิตใจของเราได้แน่นอน
 
&nbsp;สิ่งที่พี่ๆ วัยเก๋าเหล่านี้ทำได้คืออะไร ไปดูกันเลย&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

1. คุณยายวัย 86 ปี ใช้เวลาปักเก้าอี้ตัวนี้ถึง 25 ปี สุดท้ายก็สำเร็จ คุณยายตั้งใจรังสรรค์ผลงานจนออกมาสวยเนี๊ยบทุกจุด ลวดลายอันละเอียดอ่อนสวยงามของนกยูงและบรรดาพรรณไม้ต้องใช้ความประณีตมาก คุณยายใช้ด้ายหมดไปถึง 14 ม้วนต่อหนึ่งนิ้วเลยทีเดียว&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

2. ใครจะไปคิดว่าอุปกรณ์ล้ำๆ อย่างไอแพดที่วัยรุ่นใช้ประจำ จะกลายเป็นเครื่องมือสร้างผลงานศิลปะให้คุณยายวัย 84 ปีคนนี้ได้ นี่คือผลงานภาพวาดบนไอแพดของเธอหลังจากใช้เวลาอยู่กับมันเพียง 30 นาทีเท่านั้น และที่สำคัญคือ คุณยายไม่เคยใช้ไอแพดมาก่อนเลยในชีวิต!&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy%202.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

3. มีคนเสนอที่นั่งสำหรับผู้สูงอายุบนรถไฟฟ้าให้คุณปู่คนนี้ คุณปู่จึงโหนราวโชว์แทนคำตอบเสียเลย ท่านคงอยากบอกเขาว่า ขอบคุณมาก แต่ฉันยังแข็งแรงอยู่นะจ๊ะ ทำเอาพ่อหนุ่มเสื้อเขียวข้างๆ อึ้งไปเลย&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy%203.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

4. ปกติพี่ๆ ฉลองวันเกิดยังไงบ้าง ใครที่เบื่อกิจกรรมเป่าเทียนวันเกิด ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์แบบเดิมๆ ลองดูคุณตาคนนี้ฉลองวันเกิดอายุครบ 91 ปี ด้วยการเล่นสกีน้ำสุดผาดโผนเป็นตัวอย่าง ใครบอกกีฬาเอ็กซ์ตรีมเป็นของวัยรุ่นเท่านั้น คงต้องเปลี่ยนคำพูดแล้วล่ะ&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy%204.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

5. คุณพี่คนนี้ใช้เวลาอยู่บ้านในช่วงสถานการณ์โควิด ออกกำลังกาย เสริมสร้างความแข็งแรงให้ตัวเอง&nbsp;
ได้เห็นกล้ามแขนที่คุณพี่เบ่งขึ้นมาแล้ว เดาไม่ถูกเลยใช่ไหมว่านี่คือกล้ามเนื้อแขนของคนที่อายุใกล้จะ 85 ปีแล้ว ยังคงฟิตแอนด์เฟิร์มไม่แพ้หนุ่มๆ สาวๆ เลย&nbsp;&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy%205.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

6. ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเรียนรู้ ทุกคนรู้ดีว่าการเรียนต่อในระดับปริญญาเอกนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและต้องใช้ความเพียรพยายามสูงมาก แต่คุณพี่คนนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อายุไม่เป็นอุปสรรคของความสำเร็จ และคว้าปริญญาเอกมาให้ตัวเองได้ในวัย 77 ปี&nbsp;&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy%206.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

7. ยิ่งอายุมาก ผิวหนังกล้ามเนื้อก็เริ่มหย่อนคล้อยตามวัย แต่คุณปู่ท่านนี้กลับทำให้ทุกคนต้องตกใจกับกล้ามเนื้อสุดฟิตแอนด์เฟิร์ม เปิดเผยให้เห็นซิกแพคหน้าท้องแน่นๆ แบบคนวัย 72 จนหนุ่มๆ ต้องอาย&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy%207.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

8. ใบหน้าแสนสุขของคุณตาวัย 72 ปี ที่กำลังยิ้มกว้างไม่แพ้หลานสาวที่นั่งข้างๆ บนเครื่องเล่นรถไฟเหาะ แม้จะต่างวัย แต่ความสนุกสนานที่แสดงออกมานั้นไม่ต่างกันเลย&nbsp;&nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy%208.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

9. ใครๆ ก็เป็นเกมเมอร์ได้ คุณพี่วัย 96 ปี กำลังเพลิดเพลินอยู่ในโลกเสมือนจริงด้วยการเล่นเกม VR &nbsp;

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/03/10%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%B2_aw%20copy%209.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

10. คนทั่วไปมักจะกังวลเวลาผู้สูงอายุเดินไปไหนมาไหน แต่ไม่ใช่คุณยายวัย 90 ปีคนนี้ เธอเพิ่งพิชิตการวิ่งมาราธอนระยะ 5 กิโลเมตร ครั้งแรกในชีวิต โดยไม่หยุดเดินเลย ยายเดินไม่ไหว ขอวิ่งโชว์แล้วกัน!
 
เป็นอย่างไรบ้างคะ กิจกรรมของพี่ๆ แต่ละคนที่ยังแฮปปี้นำมาให้ดู เห็นได้เลยว่าอายุไม่เคยเป็นอุปสรรคในการพัฒนาร่างกาย จิตใจและสติปัญญา (ความสนุกก็เช่นกัน) ขอเพียงมีความสุขที่จะลงมือทำ&nbsp;
ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ยังแฮปปี้แน่นอน&nbsp;

อ้างอิง <a href="https://www.boredpanda.com/cool-elderly-people/?utm_source=google&utm_medium=organic&utm_campaign=organic" target="_blank">https://www.boredpanda.com/cool-elderly-people/?utm_source=google&amp;utm_medium=organic&amp;utm_campaign=organic </a>&nbsp;

10 วัยเก๋าที่ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ ‘ยังแฮปปี้’ อยู่เสมอ

รู้จักกับ ‘วาคามิยะ มาซาโกะ’ นักพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีอายุมากที่สุดของบริษัท Apple ผู้สร้างเกมบนมือถือสมาร์ทโฟนให้ผู้สูงอายุได้เล่นกันทั่วโลก

พี่ๆ เคยมีสิ่งที่อยากทำมากๆ แต่ไม่มีโอกาสได้ทำสักทีเพราะไม่มีเวลาไหมคะ?



ยังแฮปปี้เชื่อว่าทุกคนต้องมีแน่นอน ซึ่งตอนที่เรายังเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ เราอาจจะมีภาระหน้าที่บางอย่างที่ไม่สามารถทำให้เราปลีกตัวมาทำสิ่งที่เราอยากทำมากๆ ได้ และเมื่อวันเวลาผ่านไปจนถึงวัยที่เราเกษียณอายุ หลายคนอาจจะหลงลืมความฝันหรือสิ่งที่ครั้งหนึ่งอยากทำมากๆ ไปแล้วก็ได้



แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับอดีตพนักงานธนาคารคนนี้ เธอมีความใฝ่ฝันมานานที่จะมีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง และต่อมาสิ่งนี้ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตบั้นปลายของเธอ&nbsp;&nbsp;



วันนี้ยังแฮปปี้อยากจะพาพี่ๆ ไปรู้จักกับ ‘วาคามิยะ มาซาโกะ’ นักพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีอายุมากที่สุดของบริษัท Apple ผู้สร้างเกมบนมือถือสมาร์ทโฟนให้ผู้สูงอายุได้เล่นกันทั่วโลก



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/11/hinadan-senior_FB-post.png" alt="" class="wp-image-55821"/></figure>



60 หัดใช้คอม 80 พัฒนาเกม



หลังจากเกษียณงานที่ธนาคาร คุณมาซาโกะในวัย 60 ปีก็ซื้อคอมพิวเตอร์มาลองหัดใช้ เธอใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้สำเร็จ ซึ่งต่อมา สิ่งนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเชื่อมโยงเธอกับผู้คนและโลกกว้างในช่วงเวลาอันยากลำบากที่เธอต้องคอยดูแลคุณแม่ที่ล้มป่วยลงเพียงลำพัง



เหตุการณ์นี้ทำให้คุณมาซาโกะเล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่มีต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ตอนที่เธอกำลังหัดใช้สมาร์ทโฟนอยู่ เธอก็ค้นพบว่า ผู้สูงอายุที่เธอรู้จักส่วนใหญ่รู้สึกเขินอายที่จะลองหัดใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ คุณมาซาโกะจึงปิ๊งไอเดียที่จะสร้างเกมซึ่งเหมาะสำหรับผู้สูงอายุขึ้นมา เพื่อเชิญชวนให้ผู้สูงอายุได้ลองใช้สมาร์ทโฟนและสร้างความคุ้นชินให้เกิดขึ้น ทำให้พวกเขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;



คุณมาซาโกะเริ่มเรียนการเขียนโปรแกรมในปี 2016 กับเจ้าของบริษัทผู้พัฒนาแอปฯ ในจังหวัดมิยากิ และสามารถพัฒนาเกมที่มีชื่อว่า ‘Hinadan’ ได้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2017 ก่อนปล่อยลง App Store ในเดือนกุมภาพันธ์



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/11/hinadan-senior_FB-post-copy.png" alt="" class="wp-image-55822"/></figure>



แอปพลิเคชันเกมเพื่อผู้สูงอายุ



เกม ‘Hinadan’ หรือ ฮินะดัง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทศกาลวันเด็กผู้หญิงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับวันที่ 3 มีนาคมของทุกปี ‘ฮินะ’ เป็นคำเรียกตุ๊กตาที่ใช้ประดับในวันเทศกาล ส่วน ‘ดัง’ หมายถึงลำดับขั้น โดยคุณมาซาโกะสร้างเกมฝึกสมองและความจำที่ผู้เล่นจะต้องเรียงตุ๊กตาฮินะทั้ง 12 ตัวตามตำแหน่งและลำดับขั้นให้ถูกต้อง &nbsp; หลังจากที่ ‘Hinadan’ เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ เกมดังกล่าวก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในและนอกประเทศ ถึงขนาดที่ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple เชิญคุณมาซาโกะมางาน Worldwide Developers Conference ในฐานะนักพัฒนาแอปพลิเคชันที่อายุมากที่สุดในโลก ปัจจุบัน มีคนดาวน์โหลดเกม Hianadan ไปแล้วกว่า 42,000 ครั้ง



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/11/hinadan-senior_FB-post-copy-2.png" alt="" class="wp-image-55823"/></figure>



เรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด



หลายครั้งที่เรามองว่า การเรียนรู้เป็นเรื่องของเด็กหรือวัยรุ่นเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร หากมีสิ่งที่อยากรู้หรือทำ เราก็สามารถที่จะเริ่มเรียนรู้สิ่งนั้นๆ ได้ เหมือนที่คุณมาซาโกะอยากสร้างเกมให้กับผู้สูงอายุ จึงเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและการเขียนโปรแกรมหลังเธอเกษียณออกมาตอนอายุ 60 ปี เมื่อเราอายุมากขึ้น จริงอยู่ว่าเราต้องสูญเสียอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิด สุขภาพร่างกาย หรือหน้าที่การงาน อย่างไรก็ตาม ในยุคแห่งเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารนี้ เราทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อยู่ตลอดเวลา คุณมาซาโกะย้ำว่า ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจำเป็นต้องค้นหาหรือฝึกฝนทักษะใหม่ๆ เพื่อให้สติปัญญาเฉียบแหลมอยู่เสมอ อย่ายอมให้อายุและความแตกต่างของยุคสมัยมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน มาใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสนุก มีคุณค่า พึ่งพาตัวเองได้ และเปี่ยมไปด้วยพลังกันนะคะ อ้างอิง <a href="https://www.dailygizmo.tv/2019/12/12/wakamiya-masako-app-developer/">Wakamiya Masako นักพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่อายุมากที่สุดของ Apple – DailyGizmo </a><a href="https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/secret-trick/75993.html">คุณยายมาซาโกะ วากามิยะ - นักพัฒนา แอพพลิเคชั่นรุ่นเก๋า (goodlifeupdate.com) </a><a href="https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000081800">ชมโต๊ะทำงานของคุณยายวัย 82 นักพัฒนาแอปอาวุโสที่สุดในโลก (mgronline.com) </a><a href="https://www.brandbuffet.in.th/2019/11/wakamiya-masako-oldest-ios-developer/">“วากามิยะ มาซาโกะ” นักพัฒนาแอปวัย 84 ปี ผู้ทำให้ Tim Cook ถึงกับต้องขอพบ | Brand Buffet </a><a href="https://mgronline.com/japan/detail/9640000036338">ชีวิตแสนสนุกของคุณยายนักโปรแกรมเมอร์ญี่ปุ่น (mgronline.com)</a>

Wakamiya Masako หญิงวัย 80+ ผู้สร้างแอปฯ เกมเพื่อผู้สูงอายุ

วันนี้ยังแฮปปี้จะขอหยิบยกเรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจของร้านแกงกะหรี่แห่งหนึ่งในเมืองคาชิฮาระที่เชื่อมั่นในพลังแห่งการส่งต่อความดีมาเล่าให้พี่ๆ

พี่ๆ รู้จักคำว่า ‘Pay It Forward’ ไหมคะ



หลายคนอาจคุ้นเคยกับคำนี้จากภาพยนตร์ดังเมื่อปี 2000 ในชื่อ ‘Pay It Forward หากใจเราพร้อมจะให้ (ใจ) เราจะได้มากกว่าหนึ่ง’ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กชายวัยประถมคนหนึ่งที่คิดหาวิธีที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น และสิ่งที่เด็กชายคนนี้คิดได้คือการส่งต่อความดี ด้วยการช่วยเหลือคน 3 คน โดยสามคนนี้ไม่ต้องตอบแทนอะไรเขา แต่จะต้องไปช่วยเหลือคนอื่นต่ออีกคนละ 3 คน เรียกได้ว่าเป็นการส่งต่อความดีเป็นทอดๆ ให้กับคน ในสังคม&nbsp;



แนวคิด Pay It Forward เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในหลายๆ วัฒนธรรม ในประเทศญี่ปุ่นก็มีแนวคิดคล้ายๆ กันนี้มาตั้งแต่สมัยเอโดะ (1603-1868) ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ‘On-Okuri’ หรือการตอบแทนคุณใครบางคนโดยที่ไม่ทำโดยตรง แต่จะเป็นการส่งต่อความกรุณาไปยังบุคคลที่สาม



ในปี 2011 ประเทศญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออก สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์นี้ทำให้แนวคิด Pay It Forward กลับมาได้รับความสนใจในหมู่คนญี่ปุ่นอีกครั้ง เกิดเป็นโรงอาหารสำหรับเด็ก, ธนาคารอาหารราคาถูกหรือฟรี, และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือในขณะนั้น



ปัจจุบัน แนวคิด Pay It Forward ในประเทศญี่ปุ่นยังคงมีให้เห็นเรื่อยๆ&nbsp; ไม่ว่าจะเป็นตามร้านอาหารหรือมหาวิทยาลัยต่างๆ ในวันนี้ยังแฮปปี้จะขอหยิบยกเรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจของร้านแกงกะหรี่แห่งหนึ่งในเมืองคาชิฮาระที่เชื่อมั่นในพลังแห่งการส่งต่อความดีมาเล่าให้พี่ๆ ฟังกันค่ะ&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/11/Genki-curry_FB-post.png" alt="" class="wp-image-55743"/></figure>



จุดเริ่มต้นของข้าวแกงกะหรี่ฟรี



ไซโตะ ชิเงรุ ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนสนทนาภาษาอังกฤษในจังหวัดนาระ ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า มีเด็กๆ หลายคนกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน บางคนไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนจนต้องหยุดเรียนกลางคัน ส่วนบางคนก็ไม่มีเงินพอจะซื้ออาหารกิน ชิเงรุรู้สึกสงสารเด็กๆ จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับลูกค้าประจำในร้านข้าวแกงกะหรี่ Genki Curry ที่เขาเป็นเจ้าของ



ชิเงรุอยากให้เด็กๆ ได้กินข้าวแกงกะหรี่แม้จะมีเงินไม่พอ เขาจึงลองเสนอกับลูกค้าประจำว่า ถ้าทางร้านขายตั๋วข้าวแกงกะหรี่ใบละ 200 เยน ลูกค้าจะซื้อเพื่อให้เด็กคนหนึ่งได้กินข้าวแกงกะหรี่ฟรีไหม ลูกค้าก็บอกว่าซื้อ และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของตั๋วแห่งอนาคตของร้าน Genki Curry&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/11/Genki-curry_FB-post-copy.png" alt="" class="wp-image-55744"/></figure>



ตั๋วแห่งอนาคตของเด็กๆ



เด็กๆ ในวัยไม่เกินมัธยมต้นสามารถกินข้าวแกงกะหรี่ในราคา 200 เยนได้ฟรีที่ร้าน Genki Curry โดยมีกฎอยู่ว่า เมื่อเด็กๆ กินข้าวแกงกะหรี่เสร็จแล้ว จะต้องไปหยิบตั๋วแห่งอนาคต (Mirai Ticket) ที่ติดอยู่บนกระดานไวท์บอร์ดในร้านมา 1 ใบ เพื่อนำมาจ่ายที่แคชเชียร์แทนเงินสด



ตั๋วแห่งอนาคตมีขายให้กับลูกค้าในราคา 200 เยน เวลาลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่มากินอาหารที่ร้าน นอกจากจะสั่งอาหารของตัวเองแล้ว ก็จะขอซื้อตั๋วแห่งอนาคตเพิ่มอีกด้วย และเมื่อได้รับตั๋วก็จะนำไปติดที่กระดานไวท์บอร์ด เพื่อให้เด็กๆ ที่มากินข้าวหยิบไปใช้



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/11/Genki-curry_FB-post-copy-2-1.png" alt="" class="wp-image-55745"/></figure>



ส่งต่อความดีให้กับลูกหลาน



วันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา มีเด็กที่เคยใช้ตั๋วแห่งอนาคตเป็นประจำโผล่มาที่ร้าน ตัวเขาเองไม่ได้มาที่ร้านนี้ตั้งแต่เรียนจบมัธยมต้น และในตอนนี้เขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว เมื่อมาถึงเขาก็ขอตั๋วแห่งอนาคต ชิเงรุเห็นว่าเป็นอดีตลูกค้าประจำจึงอนุญาตให้ใช้ แม้เขาจะไม่ใช่เด็กมัธยมต้นแล้ว แต่ชายหนุ่มปฏิเสธบอกว่าไม่ได้จะขอตั๋วเพื่อกินฟรี แต่เขาต้องการใช้เงินเดือนเดือนแรกซื้อตั๋วแห่งอนาคตให้เด็กๆ ต่างหาก



ระบบตั๋วแห่งอนาคตเกิดขึ้นจากความต้องการของชิเงรุที่อยากให้เด็กๆ ได้กินข้าวฟรี และระบบนี้ก็ดำเนินสืบมาได้ด้วยการสนับสนุนจากลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่ มาวันนี้ชิเงรุรู้แล้วว่า ตั๋วแห่งอนาคตไม่ได้สร้างแค่ความสุขเล็กๆ ให้กับเด็กๆ ในเวลาที่กินข้าวแกงกะหรี่ฟรีเท่านั้น แต่ยังสร้างคุณค่าบางอย่างที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย&nbsp;



เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องราวดีๆ จากร้าน Genki Curry ชาวยังแฮปปี้เคยเจอร้านอาหารที่นำแนวคิด Pay It Forward มาใช้บ้างไหมเอ่ย ถ้าเคยก็อย่าลืมคอมเมนต์มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ&nbsp;



อ้างอิง <a href="https://www.facebook.com/JapaneseBaobao/posts/1728728253982886">(1) ญี่ปุ่นเบาเบา - Posts | Facebook</a> <a href="https://en.wikipedia.org/wiki/Pay_it_forward">Pay it forward - Wikipedia</a> <a href="https://www.youtube.com/watch?v=URwXr144hlI">The Philosophy of Pay It Forward - YouTube</a> <a href="https://mainichi.jp/english/articles/20210208/p2a/00m/0na/033000c">From pricey textbooks to curry, 'gift economy' ideas see uptake in pandemic-hit Japan - The Mainichi</a> <a href="https://www.minkyo.or.jp/program/nippon_no_chikara/266/?fbclid=IwAR0HIs7waMaqkFd5h_NPYCXBSKyhJk5w0ODOdcNOF9l33u7DLHFy7vUUdcM">#266 みらいチケット ～子どもたちを支える善意のカレー食堂～ | 日本のチカラ | 民教協の番組 | 公益財団法人 民間放送教育協会 (minkyo.or.jp)</a> <a href="https://www.youtube.com/watch?v=2jVbAUDc5mI">子ども食堂の“みらいチケット”　カレー１食200円で広がる支援　客の善意を子どもたちへ - YouTube</a>

Genki Curry กับแนวคิดส่งต่อความสุข จากคนรุ่นก่อนสู่คนรุ่นใหม่

ส่องสังคมผู้สูงอายุเกาหลีผ่านซีรี่ส์ Hometown Cha-Cha-Cha มาดูกันว่า ซีรี่ส์เรื่องนี้จะสามารถจุดประกายไอเดียให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสังคม

Hometown Cha-Cha-Cha ส่องสังคมผู้สูงอายุเกาหลีผ่านซีรี่ส์ยอดนิยม

‘Restaurant of Mistaken Orders’ เป็นป๊อปอัพ สโตร์ (Pop Up Store) ที่เกิดขึ้นในปี 2017 แปลตรงตัวจะมีความหมาย ร้านอาหารแห่งออร์เดอร์ที่ผิดพลาด

ปกติแล้ว เวลาที่พี่ๆ ไปกินอาหารที่ร้านอาหาร จะต้องพบกับพนักงานเสิร์ฟที่คอยรับออเดอร์ของเราและคอยบริการอย่างดี แต่จะเป็นอย่างไร ถ้าหากมีร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่สั่งอาหารไปแล้วไม่รู้ว่าจะได้กินตามเมนูที่สั่งหรือไม่



ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรสูงอายุต่อประชากรมากที่สุดในโลก โดยในปีที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่าจำนวนประชากรที่มีอายุมากกว่า 65 ปีมีมากถึง 36.17 ล้านคน คิดเป็น 28.7% ของประชากรทั้งหมด นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ด้วยว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมดจะมีภาวะสมองเสื่อม !



และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ภาครัฐและเอกชนจึงได้ทำการทดลองทางสังคม (Social Experiment) ขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อค้นหาคำตอบในการแก้ไขปัญหาสังคมผู้สูงอายุซึ่งมีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วยดังเช่นในปัจจุบัน



ในวันนี้ ยังแฮปปี้ จึงอยากจะพาพี่ๆ ไปรู้จักกับร้านอาหารแห่งหนึ่งในโตเกียวที่เป็นผลพวงจากการทดลองทางสังคม ซึ่งร้านอาหารที่ว่านี้ พี่ๆ จะต้องยกมือทาบอกแล้วพูดออกมาว่า ‘แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ’ อย่างแน่นอน



เมนูที่คุณสั่งอาจไม่ใช่เมนูที่คุณจะได้กิน



‘Restaurant of Mistaken Orders’ เป็นป๊อปอัพ สโตร์ (Pop Up Store) ที่เกิดขึ้นในปี 2017 หากแปลตรงตัวจะมีความหมายว่า ร้านอาหารแห่งออร์เดอร์ที่ผิดพลาด ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในร้านอาหารแห่งนี้คือ คุณไม่มีทางรู้เลยว่าคุณจะได้รับประทานอาหารตามที่คุณสั่งหรือไม่ ทั้งนี้เป็นเพราะพนักงานเสิร์ฟที่มารับออร์เดอร์ของคุณทุกคนล้วนมีภาวะสมองเสื่อม !



เปิดใจ เรียนรู้ และยอมรับ ‘โรคสมองเสื่อม’ 



หากพูดถึงคนที่เป็นโรคสมองเสื่อม หลายคนอาจนึกถึงคนแก่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูดจาไม่รู้เรื่อง และขี้โมโห ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันอย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้คนมักรังเกียจคนเหล่านี้และพยายามแยกพวกเขาออกจากสังคมโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้เอง คุณโอกุนิ ชิโระ เจ้าของไอเดีย Restaurant of Mistaken Orders จึงสร้างร้านอาหารนี้ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคสมองเสื่อมและเพื่อให้เกิดการยอมรับโรคนี้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น 



สิ่งดีๆ สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าคนในสังคมเข้าใจ



‘ทุกอย่างในเมนูล้วนมีรสชาติอร่อย’ นี่คือสิ่งที่สามารถการันตีได้เลยว่า คุณจะไม่มีทางผิดหวังจากการกินอาหารที่ร้านนี้ ที่น่าทึ่งคือ ในการจัดงานป๊อปอัพ สโตร์ครั้งแรก แม้ว่าพนักงานเสิร์ฟจะรับออร์เดอร์ผิดพลาดถึง 37% แต่กลับพบว่า 99% ของลูกค้าบอกว่า พึงพอใจกับร้านอาหารนี้เป็นอย่างมาก และเชื่อว่าแนวคิดนี้จะทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับโรคสมองเสื่อมได้อย่างแน่นอน



ที่สำคัญคือ ไม่ใช่เพียงแค่ลูกค้าเท่านั้นที่มีความสุข แต่รวมถึงพนักงานเสิร์ฟผู้มีภาวะสมองเสื่อมด้วย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การได้มาทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้ ทำให้พวกเขารู้ว่า พวกเขายังสามารถทำอะไรได้อีกมาก และมันทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น



อันที่จริงการเป็นโรคสมองเสื่อมไม่ได้ลดคุณค่าของใคร แต่การที่สังคมไม่เข้าใจต่างหาก ที่ทำให้คนเป็นโรคสมองเสื่อมดูแปลกแยก ซึ่งมันคงจะดีไม่น้อยเลย ถ้าวันนี้เราจะทำความเข้าใจเสียใหม่ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับทุกคนในสังคม



ปัจจุบัน Restaurant of Mistaken Orders รับจัดงานป๊อปอัพ สโตร์ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งของภาครัฐบาลและเอกชนในประเทศญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;



เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเรื่องราวของ Restaurant of Mistaken Orders ถ้าในอนาคตยังแฮปปี้จะทำร้านอาหารแบบป๊อปอัพ สโตร์บ้าง พี่ๆ จะอยากมาอุดหนุนยังแฮปปี้กันไหมน้า



อ้างอิง <a href="http://www.mistakenorders.com/en/home.html#yahoo">RESTAURANT OF MISTAKEN ORDERS</a> <a href="https://www.openculture.com/2019/08/the-restaurant-of-mistaken-orders.html">The Restaurant of Mistaken Orders: A Tokyo Restaurant Where All the Servers Are People Living with Dementia | Open Culture</a> <a href="https://www.japan.go.jp/tomodachi/2019/winter2019/restaurant_of_mistaken_orders.html">Restaurant of Mistaken Orders Brings Smiles / The Government of Japan - JapanGov -</a> <a href="https://www.lonelyplanet.com/articles/restaurant-mistaken-orders-tokyo">A pop-up restaurant in Tokyo is staffed by people living with dementia - Lonely Planet</a>

แรงบันดาลใจ