ยังแฮปปี้ นำเสนอทางเลือกใหม่ของการกินเพื่อสุขภาพ ชวนรู้จักกับ Plant-based Meat หรือ เนื้อจากพืช ที่มีประโยชน์มากกว่าการกินเนื้อสัตว์ปกติ

YoungHappy x Meat Zero&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; #ADVERTORIAL



ยิ่งอายุมากขึ้น เรื่องของอาหารการกินก็ยิ่งต้องใส่ใจมากขึ้น สารอาหารต่างๆ ต้องได้รับอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะ 'โปรตีน' เพราะวัยเก๋ามีความต้องการโปรตีน เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ &nbsp;



ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการบริโภคเนื้อสัตว์ คือแหล่งโปรตีนสำคัญ แต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว การบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไปก็อาจมีทั้งไขมันส่วนเกินที่ทำให้เส้นเลือดอุดตัน เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ รวมไปถึงข้อเสื่อม และอาจมีสารเคมีอันตรายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้



ยังแฮปปี้ จึงอยากนำเสนอทางเลือกใหม่ของการกินเพื่อสุขภาพ ชวนวัยเก๋าไปรู้จักกับ Plant-based Meat หรือ เนื้อจากพืช ที่มีประโยชน์มากกว่าการกินเนื้อสัตว์ปกติ แต่ยังให้รสชาติและรสสัมผัสที่ไม่ต่างกัน ที่สำคัญยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และนอกจากจะเหมาะกับผู้สูงอายุแล้ว ยังเหมาะกับคนที่กินมังสวิรัติ กินเจ งดเนื้อสัตว์ในวันพระหรือโอกาสต่างๆ หรือจะชวนลูกหลานชิมด้วยกัน ก็อร่อยสุขภาพดีได้ทั้งครอบครัว



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/08/MeatZero-03-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54981"/></figure>



เพราะวัยเก๋ายังต้องการโปรตีน



​ผู้สูงอายุจำเป็นต้องได้รับสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ เช่นเดียวกับช่วงวัยอื่นๆ โดยเฉพาะโปรตีน ที่จำเป็นอย่างมาก เพราะประโยชน์ของโปรตีนคือการรักษามวลกล้ามเนื้อให้ยังคงแข็งแรง ห่างไกลจากภาวะกล้ามเนื้อลีบ และการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เพราะร่างกายของผู้สูงอายุมีแต่เสื่อมสภาพลงไปทุกวัน โดยปริมาณของโปรตีนในผู้สูงอายุที่ต้องการในแต่ละวัน ประมาณ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/08/MeatZero-04-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54982"/></figure>



กินเนื้อสัตว์ได้ประโยชน์ แต่โทษก็สูง 



อย่างที่ทราบกันว่าโปรตีนคุณภาพดี คือโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ เพราะเป็นโปรตีนสมบูรณ์ มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุไม่ควรที่จะบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะไขมันส่วนเกินที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เป็นสาเหตุทำให้เส้นเลือดอุดตัน เป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ รวมถึงฟอสฟอรัสในเนื้อสัตว์ที่เป็นสาเหตุของโรคข้อเสื่อมได้ นอกจากนั้นกระบวนการเลี้ยงในปัจจุบันมีการใช้ฮอร์โมนเร่งโตและสารเคมีและต่างๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เท่านั้นยังไม่พอ อุตสาหกรรมปศุสัตว์คือสาเหตุสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างภาวะโลกร้อนอีกด้วย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/08/MeatZero-06-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54983"/></figure>



Plant-based Meat นวัตกรรมใหม่ของอาหาร 



นวัตกรรมใหม่ของโลกอาหาร ที่ทำให้พืชอร่อยเหมือนเนื้อสัตว์ สามารถกินทดแทนเนื้อสัตว์ได้ แตกต่างจากการกินโปรตีนเกษตรแบบเดิมๆ เพราะเป็นการใช้กระบวนการแปรรูปพืชให้มีความใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์อย่างมาก ทั้งเรื่องของเนื้อสัมผัส รสชาติที่อร่อย และที่สำคัญคือสารอาหารที่ได้ครบถ้วน เรียกว่าทดแทนเนื้อสัตว์จริงๆ ได้เลยทีเดียว ถูกใจสายมังสวิรัติและวีแกน ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ ส่วนในบ้านเราเองก็กำลังเริ่มเป็นที่นิยมสำหรับวัยเก๋ารักสุขภาพเช่นเดียวกัน



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/08/MeatZero-07-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54985"/></figure>



Meat Zero พืช...อร่อยแบบเนื้อสัตว์



ได้รู้จักกันไปแล้วว่า Plant-based Meat คืออะไร ชวนมารู้จักกับแบรนด์ของไทยกันบ้างดีกว่า กับ Meat Zero ที่ใช้นวัตกรรมการผลิตที่เรียกว่า PLANT-TEC Innovation ทำให้ ‘พืช...อร่อยแบบเนื้อสัตว์’ ด้วยการทดลองของนักวิจัยมากกว่า 2,000 ครั้ง ร่วมกับบริษัทระดับโลกจากญี่ปุ่นอย่าง Fuji Oil จึงมั่นใจได้คุณภาพ เหมาะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับวัยเก๋าในยุคใหม่



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/08/MeatZero-08-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54986"/></figure>



Meat Zero ประโยชน์เต็มๆ จากโปรตีน



พี่ๆ หลายคนอาจยังสงสัยว่า ในเมื่อ Plant-based Meat ไม่ได้ทำมาจากเนื้อสัตว์จริงๆ จะได้รับสารอาหารที่เพียงพอไหม บอกเลยว่า Meat Zero ส่วนประกอบของพืชที่ใช้ในการผลิตเป็น Non GMO หรือไม่ผ่านการตกแต่งทางพันธุกรรม ให้โปรตีนสูง มีไฟเบอร์ แต่ไม่มีคอเรสเตอรอล กินแล้วไม่ต้องกังวลกับเรื่องโรคที่เกี่ยวกับไขมัน ที่สำคัญไม่มีการฉีดฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะ มั่นใจได้ว่าความปลอดภัยแน่นอน นอกจากนั้นแบรนด์ยังใส่ใจเรื่องของบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้อีกด้วย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/08/MeatZero-09-1-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54987"/></figure>



Meat Zero อร่อยได้หลายเมนู



สำหรับผลิตภัณฑ์ของ Meat Zero ก็หลากหลายสุดๆ ทั้งแบบพร้อมทานอย่างเช่น เบอร์เกอร์หมูจากพืชซอสบาร์บีคิว กับเนื้อหมูชิ้นโต ชุ่มฉ่ำด้วยซอสบาร์บีคิวรสเข้มข้น ประกบด้วยขนมปังไรซ์เบอรี่ โฮลวีท, โบโลน่าจากพืช มีทั้งรสออริจินัลและรสพริก หอมอร่อยมีประโยชน์ จะกินแบบร้อนแบบเย็น ก็อร่อยได้คนละแบบ, ข้าวกะเพราเนื้อสับจากพืช รสชาติจัดจ้าน เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวย, สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศเนื้อสับจากพืช เส้นเหนียวนุ่ม ราดด้วยเนื้อสับในซอสมะเขือเทศ หรือจะเป็นแบบพร้อมปรุงอย่างเช่น, นักเก็ตไก่จากพืช เนื้อแน่นกรอบอร่อย สามารถใช้กับหม้อทอดไร้น้ำมันได้ และหมูกรอบจากพืช จะนำไปปรุงเป็นเมนูใหม่ หรือกินกับข้าวก็อร่อย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/08/MeatZero-10-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54988"/></figure>



Meat Zero ทางเลือกสุขภาพที่วัยเก๋าต้องลอง



ได้เห็นทั้งประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของ Plant-based Meat กันไปแล้ว ลองให้ Meat Zero เป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อสุขภาพกันเถอะ ที่สำคัญราคาไม่แพง เริ่มต้นเพียง 35 บาทเท่านั้น หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป

รู้จัก Meat Zero พืชที่อร่อยเหมือนเนื้อสัตว์ Plant-based Meat ทางเลือกใหม่ของการกินเพื่อสุขภาพ

รู้หรือไม่ว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดได้คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คน ซึ่งถือเป็นภัย

<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/08/nutrilite-05-1-820x1024.png" alt="" class="wp-image-54955"/></figure>



YoungHappy x Nutrilite&nbsp;



#ADVERTORIAL



รู้หรือไม่ว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดได้คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คน ซึ่งถือว่าเป็นภัยที่น่ากลัว และไม่ควรมองข้าม นอกจากนี้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ มีโอกาสเกิดอาการรุนแรงจากโรคโควิด-19 อีกด้วย*



โรคนี้เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เช่น ความเครียด การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย ที่สำคัญคือการบริโภคอาหารที่มีรสชาติหวานจัด เค็มจัด และมันจัดมากเกินไป เรียกว่าอันตรายกว่าโรคที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆ อย่างมาก เพราะเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวและใกล้ตัวสุดๆ ถ้าผู้สูงอายุใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ใส่ใจสุขภาพ ก็อาจมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้แล้ว



ยังแฮปปี้และ Nutrilite จึงอยากติดเกราะสุขภาพให้วัยเก๋า ด้วยการแชร์เคล็ดลับดีๆ ในการต่อสู้กับโรคหัวใจและหลอดเลือด ด้วยการใช้ชีวิตประจำวันอย่างถูกต้อง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการมีโภชนาการที่สมดุล โดยเฉพาะการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ด้วยสารอาหาร 6 อย่าง เปรียบเสมือน ฮีโร่ทั้ง 6 ที่คอยปกป้องหัวใจของพี่ๆ วัยเก๋านั่นเอง



น้ำมันปลา



- ลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดแดงโคโรนารีของหัวใจ - ลดโอกาสการเกิดภาวะการอุดตันของเส้นเลือดเฉียบพลัน



เลซิติน 



- สร้างสารไลโปโปรตีนเพื่อการขนส่งไขมัน - ลดระดับโคเลสเตอรอล



กระเทียม 



- ลดโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ - ลดความดันโลหิต และลดการเกิดลิ่มเลือด



ชาเขียว 



- มีโฟโตนิวเทรียนท์หลายชนิดช่วยปกป้องโรคหัวใจและหลอดเลือด - ช่วยลดการดูดซึมโคเลสเตอรอลในทางเดินอาหาร



โคเอนไซม์คิวเท็น 



- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ - ลดการอักเสบในกล้ามเนื้อหัวใจ



วิตามินบีคอมเพล็กซ์ 



- ช่วยให้หลอดเลือดหัวใจทำงานปกติ - ลดการอักเสบในหลอดเลือด



ถ้าพี่ๆ คนไหนมีเคล็ดลับดีๆ ในการต่อสู้กับโรคหัวใจและหลอดเลือด มาแชร์ให้กับเพื่อนๆ คนอื่นได้เลย



ด้วยความปรารถนาดีจาก Nutrilite by Amway



อ้างอิง



- *แนวทางปฏิบัติเพื่อการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือโควิด 19 สำหรับประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง โดย กรมควบคุมโรค - บทความ ‘6 ฮีโร่ ปกป้องหัวใจคุณ’ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วินัย ดะห์ลัน หลักสูตรนานาชาติด้านอาหารและโภชนาการ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ติดเกราะสุขภาพให้วัยเก๋า ต่อสู้โรคหัวใจและหลอดเลือด

‘โรคซึมเศร้า’ เป็นโรคทางจิตเวชที่มีมานานแล้ว และเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเกิดโรคซึมเศร้าได้มากกว่าวัยอื่น

โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ความเจ็บป่วยด้านจิตใจที่ถูกมองข้าม

‘ลิ้น’ นอกจากจะเป็นอวัยวะสำคัญที่มีหน้าที่ในการเคี้ยวและกลืนอาหาร ลิ้นยังสามารถส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของเราได้อีกด้วย

‘ลิ้น’ นอกจากจะเป็นอวัยวะสำคัญที่มีหน้าที่ในการเคี้ยวและกลืนอาหาร รวมถึงใช้ในการพูดและการออกเสียงต่างๆ แล้ว ลิ้นยังสามารถส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของเราได้อีกด้วย



วันนี้ ยังแฮปปี้ จึงขอพาพี่ๆ ไปรู้จักกับ 7 สัญญาณเตือนจากลิ้นเกี่ยวกับร่างกายของเรา จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/07/ลิ้น_FB-post-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54725"/></figure>



1.ลิ้นสีแดงราวกับลูกสตรอว์เบอร์รี



ถ้าลิ้นของพี่ๆ มีสีแดงคล้ายสีสตรอว์เบอร์รีละก็ นั่นคือสัญญาณเตือนว่าร่างกายของเราได้รับวิตามินไม่เพียงพอ โดยเฉพาะธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 หากปล่อยทิ้งไว้นาน ลิ้นจะเรียบเนียนขึ้น เพราะต่อมรับรสอ่อนตัวลงในกรณีที่ร้ายแรง หากเผลอไปดื่มเครื่องดื่มร้อนๆหรือรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ด จะทำให้มีอาการเจ็บปวดที่ลิ้นอย่างรุนแรงเมื่อเป็นเช่นนี้แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องโภชนาการโดยด่วน



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/07/ลิ้น_FB-post-copy-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54726"/></figure>



2.ลิ้นเป็นฝ้าสีน้ำตาลหรือสีดำ



คราบสีดำหรือสีน้ำตาลบนลิ้นเป็นสิ่งที่ไม่น่ามองอยู่แล้ว นอกจากนี้ คราบดังกล่าวยังเป็นสัญญาณเตือนถึงสุขอนามัยที่ไม่ดีของเราอีกด้วย เช่น การสูบบุหรี่ ซึ่งมักจะส่งผลให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปากและทำให้การรับรู้รสชาติแย่ลง ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือเลิกนิสัยที่ไม่ดีนี้เสีย รวมถึงหมั่นดูแลความสะอาดในช่องปาก ควรแปรงฟันและลิ้นทุกวันด้วย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/07/ลิ้น_FB-post-copy-2-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54727"/></figure>



3.ลิ้นเป็นฝ้าขาว



คราบสีขาวคือสัญญาณของการติดเชื้อรา คราบนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อ Candida albicans (ยีสต์ชนิดหนึ่งเป็นเชื้อก่อโรค) เจริญเติบโตมากเกินไป เหตุผลของการขยายตัวของยีสต์ชนิดนี้ก็แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น การใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นโรคเบาหวาน ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือความดันโลหิตสูง ถ้าลิ้นเป็นฝ้าขาวเมื่อไร แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/07/ลิ้น_FB-post-copy-3-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54728"/></figure>



4.ลิ้นมีร่อง มีรอยแตก



ลิ้นที่มีรอยย่นอาจเป็นสัญญาณของความชรา โดยปกติแล้ว อาการแบบนี้ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ว่าถ้าเกิดแปรงฟันไม่ดีพอ อาจเกิดการติดเชื้อในรอยแตก และทำให้ปวดอย่างรุนแรงได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อนำยามารักษาอาการดังกล่าว นอกจากนี้ รอยย่นบนลิ้นอาจมีสาเหตุจากการใส่รากฟันเทียมผิดวิธีก็เป็นได้



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/07/ลิ้น_FB-post-copy-4-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54729"/></figure>



5.ลิ้นมีจุดสีขาวเล็กๆ



จุดสีขาวเล็กๆ คืออาการระคายเคืองบนผิวลิ้น บางครั้งอาจเกิดจากการที่ฟันกระทบโดนผิวลิ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่ จุดสีขาวเล็กๆ เหล่านี้มักเกิดบนลิ้นของผู้ที่สูบบุหรี่ ที่สำคัญคือ ร้อยละ 17 ของเซลล์เหล่านี้สามารถกลายเป็นเซลล์ก่อมะเร็งได้ ดังนั้น หากพี่ๆ มีจุดแบบนี้และไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/07/ลิ้น_FB-post-copy-5-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54730"/></figure>



6.ลิ้นมีตุ่มแดงๆ



เมื่อเกิดมีตุ่มแดงๆ หรือแผลพุพองบนลิ้นและอาการดังกล่าวไม่หายไปภายใน 2-4 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคร้ายแรงได้ ส่วนใหญ่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของ ‘มะเร็งลิ้น’ สาเหตุเกิดจากปัจจัยเสี่ยง อย่างเช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เคี้ยวหมาก หรือมีแผลเรื้อรังที่ลิ้น เป็นต้น ในกรณีเช่นนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/07/ลิ้น_FB-post-copy-6-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54731"/></figure>



7.รู้สึกแสบร้อนที่ลิ้น



มักพบบ่อยในผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย หรืออาจเกิดการใช้ยาสีฟันแล้วแพ้ส่วนผสมบางอย่าง อย่างไรก็ตาม หากพี่ๆ กำลังเจอปัญหาแบบนี้อยู่ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว



เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 7 สัญญาณอันตรายที่ ‘ลิ้น’ พยายามเตือนเราเรา อ่านจบแล้วคงต้องไปแอบแลบลิ้นส่องกระจกตรวจเช็คกันแล้วสิ อย่างไรก็ตาม การสังเกตด้วยตัวเองก็เป็นแค่การตรวจเบื้องต้นเท่านั้น หากลิ้นของพี่ๆ มีสีหรือลักษณะที่แตกต่างไปจากปกติ ยังแฮปปี้แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดดีกว่านะจ๊ะ&nbsp;



อ้างอิง: <a href="https://brightside.me/inspiration-health/9-things-your-tongue-is-trying-to-tell-you-about-your-health-639210/">9 Things Your Tongue Is Trying to Tell You About Your Health (brightside.me)</a>

7 สัญญาณอันตราย ที่ ‘ลิ้น’ กำลังเตือนให้เรารู้ !

1 ใน 3 ของผู้สูงอายุทุกคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือความดันโลหิต และด้วยอาการของโรคมักจะไม่แสดงออกมา คนที่มีอายุมากกว่า 40

YoungHappy x Omrom #ADVERTORIAL



ยังแฮปปี้ ขอแนะนำกิจกรรมดีๆ จากออมรอน ดีต่อใจได้ 2 ต่อ กับ 'HealthGift' และ 'MMM challenge' กิจกรรมที่จะได้ลุ้นและแลกของรางวัล เพียงแค่ วัดความดัน



เชื่อว่า บ้านของพี่ๆ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มีเครื่องวัดความดันและเครื่องวัดองค์ประกอบร่างกายอยู่ที่บ้าน เนื่องจาก 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุทุกคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือความดันโลหิต และด้วยอาการของโรคมักจะไม่แสดงออกมา คนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป หรือคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานจึงควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ



นอกจากการตรวจวัดความดันแล้ว การตรวจวัดองค์ประกอบร่างกายเป็นสิ่งที่ควรวัดควบคู่กัน ว่ามีไขมันส่วนเกินไหม มวลกล้ามเนื้อพอหรือไม่ ปริมาณน้ำในร่างกายน้อยไปหรือเปล่า เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องช่วยเตือนให้พี่ๆ ต้องหันมาดูแลตัวเองเฉพาะจุดอย่างจริงจัง



เชื่อว่าพี่ๆ หลายคนอาจมีปัญหาในการบันทึกหรือเก็บข้อมูลต่างๆ เรามีตัวช่วยที่จะช่วยให้การวัดความดันเป็นเรื่องที่ง่ายและสนุกมากยิ่งขึ้น กับกิจกรรมจากออมรอน เพียงตรวจวัดความดันหรือวัดองค์ประกอบร่างกายด้วยผลิตภัณฑ์ของออมรอนเป็นประจำ นอกจากจะได้สุขภาพดีเป็นของขวัญแล้ว ยังสะสมแต้มแลกรับของรางวัลชิ้นพิเศษจากออมรอนได้อีกด้วย



<figure class="wp-block-video"><video controls poster="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/Screen-Shot-2564-07-16-at-10.25.23.png" src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/07/HealthGift-VDO_13-7-64__1.mp4"></video></figure>



มาดูขั้นตอนการเข้าร่วมกิจกรรม MMM Days Challenge แบบง่ายๆ กัน



<ol type="1" class="has-large-font-size"><li>ต้องมีอุปกรณ์เครื่องวัดความดันของออมรอน (รุ่นที่สามารถต่อกับแอปพลิเคชันได้ HEM-7361T, HEM-7361T,&nbsp; HEM-6232T และ HEM-7280T)</li><li>ดาวน์โหลดและเชื่อมต่อแอปพลิเคชันกับอุปกรณ์ **ตัวอย่างการเชื่อมต่ออุปกรณ์กับแอฟพลิเคชั่นผ่านบลูธูท <a href="https://www.youtube.com/watch?v=cn3526Bw1q4">https://www.youtube.com/watch?v=cn3526Bw1q4</a></li><li>วัดความดันทุกวันเป็นเวลา 30 วัน (รอบแรกเริ่ม 1-30 กรกฏาคม 2564 และรอบที่ 2 เริ่ม 1-30 สิงหาคม 2564)</li><li>หลังจากวัดเป็นเวลา 30 วัน ส่งผลการวัดไปที่ email: <a href="mailto:Healthcare-TH@Omron.com">Healthcare-TH@Omron.com</a></li><li>รอประกาศผลในวันที่ 4-6 ของแต่ละรอบ</li></ol>







ตัวช่วยดูแลสุขภาพ กับแอปพลิเคชัน Omron Connect



ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น ออมรอนจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนมากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็น ออมรอน คอนเนค (Omron connect) แอปพลิเคชันที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องวัดความดันและเครื่องวัดองค์ประกอบร่างกาย ซึ่งประกอบไปด้วยฟังก์ชันล้ำๆ ต่อไปนี้



เชื่อมต่อไม่มีสะดุด: ในการวัดค่าความดัน หรือวัดองค์ประกอบร่างกาย สามารถอ่านผลจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตได้ในทันที โดยไม่ต้องดูค่าจากจอแสดงผลบนอุปกรณ์ให้ยุ่งยากอีกต่อไป ข้อมูลแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์ดูง่าย และชัดเจนยิ่งขึ้น



เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา: หมดกังวลข้อมูลหาย เพราะค่าการวัดในแต่ละครั้งจะถูกบันทึกไว้ในแอปพลิเคชัน สามารถเช็คข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ยังสามารถดึงข้อมูลค่าความดัน หรือองค์ประกอบร่างกาย ส่งให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของพี่ๆ ได้ด้วย



สำรวจแนวโน้มสุขภาพ: สามารถเช็คการเปลี่ยนแปลงของค่าความดัน หรือค่าองค์ประกอบร่างกาย ได้ในรูปแบบของกราฟ ทำให้พี่ๆ เห็นถึงแนวโน้มสุขภาพว่ากำลังเปลี่ยนไปในทิศทางใด รวมถึงในแอปพลิเคชันมี BP diary เป็นเหมือนบันทึกประจำวัน ที่สามารถดูค่าความดันของแต่ละวันในปฏิทิน บันทึกข้อมูลการกินยา การออกกำลังกาย และการนอนของแต่ละวันได้อีกด้วย



ข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดที่ได้จาก ออมรอน คอนเนค (Omron connect) จะช่วยให้วัยเก๋าสามารถดูแลสุขภาพ โภชนาการ และวินิจฉัยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ทราบว่าการกินอาหารและการออกกำลังกายว่าได้ผลหรือไม่



ปัจจุบันออมรอนมีเครื่องวัดความดันอยู่ 4 รุ่นที่สามารถเชื่อมต่อกับ Omron connect ได้ ได้แก่ HEM-7361T, HEM-7361T,&nbsp; HEM-6232T และ HEM-7280T และเครื่องวัดองค์ประกอบร่างกาย HBF-222T



ดีต่อใจได้ 2 ต่อ รับของรางวัลแบบ 2 เด้ง!



วัยเก๋าที่รักในการดูแลสุขภาพ ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ควรตรวจวัดความดันโลหิตและองค์ประกอบร่างกายเป็นประจำ เพราะนอกจากข้อมูลต่างๆ จะช่วยให้คุณวางแผนดูแลสุขภาพได้แล้วนั้น ยังสามารถร่วมกิจกรรม HealthGift และ MMM challenge ของออมรอน เพื่อแลกรับบัตรกำนัล และของรางวัลอื่นๆ ได้ถึง 2 ต่อเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย



ต่อที่ 1 Health Gifts วัดความดัน รับรางวัลเพื่อสุขภาพ



ทุกคนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ง่ายๆ เพียง 4 ขั้นตอน โดยมีเครื่องวัดความดัน/เครื่องวัดองค์ประกอบร่างกายของออมรอนเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Omron Connect



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/Omron_infographic-552x1024.png" alt="ผู้สูงอายุ" class="wp-image-54565"/></figure>



ดูข้อมูลกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://www.omronhealthcare-ap.com/th/events/detail/105">https://www.omronhealthcare-ap.com/th/events/detail/105</a>



ต่อที่ 2 ร่วมสนุกกับ MMM 30 days Challenge



ออมรอนเฮลธ์แคร์ ได้สนับสนุนให้เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งการวัดความโลหิต (May Measurement Month) ซึ่งเป็นแคมเปญที่ตรวจคัดกรองความดันโลหิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อต่อสู้กับโรคความดันโลหิตสูง ในช่วงเดือนพฤษภาคม ตามเมืองหลวง ชนบทและหมู่บ้านต่างๆ ในกว่าร้อยประเทศทั่วโลก ได้จัดให้มีกิจกรรมสนับสนุนการวัดความดัน ส่วนในบ้านเรา ออมรอนเฮลธ์แคร์ ประเทศไทย จึงได้จัดกิจกรรม MMM 30 days Challenge ขึ้นมาให้คนไทยได้ร่วมสนุกกับแคมเปญระดับโลกนี้อีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมกิจกรรมกับออมรอนง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลจากออมรอนไปเลย



1.วัดความดันด้วยผลิตภัณฑ์ Omron Connect เป็นเวลา 30 วันติดต่อกัน



2.ดึงข้อมูล 30 วัน ใน BP Diary จากแอปพลิเคชัน Omron connect



3.ส่งข้อมูลมาที่ Healthcare-TH@Omron.com



ช่วงเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม แบ่งเป็น 2 รอบ 



รอบที่ 1 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 - 30 กรกฏาคม 2564



ส่งผลลัพธ์ 31 กรกฏาคม - 2 สิงหาคม 2564



ประกาศผล 4 - 6 สิงหาคม 2564



รอบที่ 2 &nbsp; เริ่มตั้งแต่ 1 - 30 สิงหาคม 2564



ส่งผลลัพธ์ 31 สิงหาคม - 2 กันยายน 2564



ประกาศผล 4 - 6 กันยายน 2564



ดูข้อมูลกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://www.omronhealthcare-ap.com/th/events/detail/99">https://www.omronhealthcare-ap.com/th/events/detail/99</a>



ยิ่งวัดยิ่งได้ ได้ทั้งสุขภาพ ได้ทั้งรางวัล เพียงแค่มีผลิตภัณฑ์ของออมรอนสำหรับเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Omron Connect เทคโนโลยีที่จะทำให้ชีวิตของพี่ๆ วัยเก๋าง่ายขึ้น



สำหรับพี่ๆ คนไหนที่สนใจให้ออมรอนเป็นผู่ช่วยในการดูแลสุขภาพ



ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ <a href="http://www.omronhealthcare-ap.com/th/">www.omronhealthcare-ap.com/th/</a>



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่



โทร : 02-021-5555 facebook : <a href="https://www.facebook.com/OMRONHealthcareThailand/">https://www.facebook.com/OMRONHealthcareThailand/</a> Website : <a href="https://www.omronhealthcare-ap.com/th/">https://www.omronhealthcare-ap.com/th/</a> Line@ : @omronhealthcare

ทั้งลุ้นทั้งแลก รับของรางวัลฟรี! เพียงแค่...วัดความดันกับออมรอน

ยังแฮปปี้ ขอนำ ‘เทคนิคการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ’ จากหนังสือ ‘หลับดีมีคุณภาพด้วยเคล็ดลับฉบับสแตนฟอร์ด’ เขียนโดย นิชิโนะ เซจิ สถาบันวิจัยการนอน

เคยเป็นไหม ง่วงแต่ก็นอนไม่หลับ หรืออยากจะหลับ แต่ก็ข่มตาไม่ลงสักที



เพราะร่างกายของคนเราต้องนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของชีวิต การนอนหลับสนิทจะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนและซ่อมแซมส่วนต่างๆ แต่ปัญหาที่ผู้สูงอายุ มักเจอกันบ่อยๆ คือพยายามนอนแค่ไหนก็นอนไม่หลับ 



ยังแฮปปี้ ขอนำ ‘เทคนิคการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ’ จากหนังสือ ‘หลับดีมีคุณภาพด้วยเคล็ดลับฉบับสแตนฟอร์ด’ เขียนโดย นิชิโนะ เซจิ ศาตราจารย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันวิจัยด้านการนอนหลับอันดับหนึ่งของโลก มาฝาก ส่วนจะมีเทคนิคอะไรบ้าง หลับได้จริงแค่ไหน ลองทำตามกันได้เลย 



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54552"/></figure>



1.อาบน้ำอุ่นก่อนนอน



พี่ๆ รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายระหว่างที่เราตื่นตัวหรือนอนหลับคือความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิภายในร่างกาย โดยอุณหภูมิภายในร่างกายจะสูงขึ้นเวลาที่ตื่นนอน และลดต่ำลงเวลานอนหลับ ดังนั้น วิธีที่จะทำให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้นคือการอาบน้ำอุ่น เพราะว่าน้ำอุ่นจะทำให้อุณหภูมิภายนอกร่างกายสูงขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกัน อุณหภูมิภายในร่างกายก็จะลดต่ำลงเพื่อคงสภาวะสมดุลของร่างกายไว้ (homeostasis) และเมื่ออุณหภูมิภายในร่างกายลดต่ำลง ร่างกายก็จะเข้าสู่โหมดนอนหลับโดยอัตโนมัติ



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-copy-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54553"/></figure>



2. สวมชุดนอนที่ระบายอากาศได้ดี



ข้อนี้อาจจะไม่ค่อยถูกใจคนที่ชอบห่มผ้าห่มหนาๆ หรือสวมชุดนอนหนาๆ สักเท่าไร อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น การนอนหลับที่มีคุณภาพเกิดจากการที่อุณหภูมิภายในร่างกายลดลงทีละน้อย ถ้าเราห่มผ้าห่มหรือสวมชุดนอนที่หนามากๆ เข้านอน ทั้งสองสิ่งนี้จะป้องกันไม่ให้ร่างกายของเราเย็นลง แต่จะทำให้เกิดความร้อนตกค้างในร่างกาย และนำไปสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพต่ำ ดังนั้น แทนที่จะใช้ผ้าห่มหรือชุดนอนหนาๆ ขอให้เลือกผ้าห่มและชุดนอนที่ระบายอากาศได้ดี และปรับอุณหภูมิห้องให้เป็นอุณหภูมิที่สบายแทนจะดีกว่า&nbsp;&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-copy-2-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54554"/></figure>



3.นอนหลับในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย



พี่ๆ เคยนอนในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยบ้างไหม พอตื่นขึ้นมาก็มักจะรู้สึกมึนงง ทั้งนี้ เป็นเพราะนอนไม่หลับหรือนอนไม่พอนั่นเอง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณของมนุษย์เวลาที่นอนในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากเดิม เพราะสมองจะถูกกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวเพื่อป้องกันตัวเองจากผู้ล่าหรือสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ดังนั้น ถ้าพี่ๆ ต้องการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ก็ควรจะตรวจสอบให้แน่ใจว่า สภาพแวดล้อมภายในห้องนอนไม่มีตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ห้องนอนควรเป็นสถานที่ที่สบาย ปลอดภัยและเป็นที่ที่เราคุ้นเคยมากพอ



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-copy-3-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54555"/></figure>



4.ทำอะไรน่าเบื่อๆ ก่อนเข้านอน



ทุกคนอาจเคยได้ยินมาว่าง ‘แสงสีฟ้า’ จากหน้าจอ LCD สามารถส่งผลต่อการนอนหลับได้ แต่อันที่จริงแล้ว เราต้องได้รับแสงสีฟ้าในปริมาณมากๆ จึงจะมีผลกระทบต่อการนอนหลับได้ ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวการสำคัญที่มาขัดขวางเวลานอนของเราคือข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เราเสพผ่านมือถือหรือแท็บเล็ตต่างหาก เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวทำให้หลับยากขึ้น



ดังนั้น หากพี่ๆ ต้องการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ควรละเว้นจากการเล่นมือถือหรือแท็บเล็ตอย่างน้อย 50 นาทีก่อนเข้านอน ซึ่งในระยะเวลา 50 นาทีนี้ก็ให้หาอะไรที่น่าเบื่อๆ ทำ เช่น นั่งสมาธิ เตรียมชุดสำหรับพรุ่งนี้ หรืออ่านหนังสือแนววิชาการ ที่อาจจะน่าเบื่อนิดหน่อยก็ได้



เป็นอย่างไรบ้างคะ กับ 4 วิธีที่จะทำให้ผู้สูงอายุนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ถ้าพี่ๆ นำไปปรับใช้แล้วได้ผลอย่างไร หรือมีเทคนิคอื่นๆ อีกก็มาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ ยังแฮปปี้ขอให้พี่ๆ ทุกคนหลับง่ายและหลับอย่างสบายทุกคืนนะคะ



อ้างอิง หนังสือ ‘หลับดีมีคุณภาพด้วยเคล็ดลับฉบับสแตนฟอร์ด’ <a href="https://www.thedenizenco.com/journal/2018/8/1/4-scientifically-proven-ways-to-get-quality-sleep">4 Scientifically-Proven Ways To Get Quality Sleep — The Denizen Co.</a> <a href="https://werfundamentals.org/fundamentalsblog/2019/1/16/stanford-method-for-ultimate-sound-sleep">Stanford Method for Ultimate Sound Sleep — Fundamentals (werfundamentals.org)</a>

เทคนิคหลับไวใน 3 นาที ทำอย่างไรให้หลับสบาย หลับดีและหลับอย่างมีคุณภาพ

สำหรับวัยเก๋าแล้ว เรื่องอาหารการกินต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ทำให้วัยเก๋าหลายคนรู้สึกกังวลเวลาจะเลือกอาหารเข้าปากแต่ละเมนู เพราะกลัวจะเป็นโทษต่อร่าง

YoungHappy x Meiji #Advertorial



สำหรับวัยเก๋าแล้ว เรื่องอาหารการกินต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ทำให้วัยเก๋าหลายคนรู้สึกกังวลเวลาจะเลือกอาหารเข้าปากแต่ละเมนู เพราะกลัวจะเป็นโทษต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘นมวัว’ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาหารสำคัญต่อร่างกายของคนทุกวัย แต่สำหรับผู้สูงอายุก็อาจเป็นกังวลว่า การดื่มนมวัว อาจทำให้ร่างกายได้รับไขมันที่สูงเกินไป หรือดื่มมากๆ อาจทำให้ท้องผูกได้



แต่จริงๆ แล้ว ถ้าหากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ‘นมวัว’ ถือว่าเป็นอาหารที่จำเป็นในผู้สูงอายุอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีส่วนช่วยในการรักษามวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และแคลเซียมที่ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและเสริมสร้างมวลกระดูก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้วัยเก๋าสุขภาพแข็งแรงนั่นเอง



ยังแฮปปี้ จึงอยากชวนพี่ๆ วัยเก๋ามาไขข้อข้องใจ ว่าทำไมผู้สูงอายุยังจำเป็นต้องดื่ม ‘นมวัว’ มีประโยชน์ต่อร่างกายยังไง ดื่มแค่ไหนถึงพอดี และนมชนิดไหนที่ควรดื่ม ลองไปติดตามกันเลย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/MicrosoftTeams-image-108-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54445"/></figure>



นมวัวเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี



โดยปกติแล้ว ผู้สูงอายุจำเป็นต้องได้รับโปรตีนประมาณ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่นหากพี่ๆ หนัก 60 กิโลกรัม ก็ควรได้รับโปรตีนวันละ 60 กรัม เพื่อรักษาและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว เนื่องจากร่างกายของผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปได้เรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องเสริมโปรตีนให้เพียงพอ โดยแหล่งของโปรตีนที่สำคัญที่หาได้ง่ายที่สุด นั่นก็คือการดื่มนมนั่นเอง



แต่พี่ๆ หลายคนก็อาจจะลังเลใจว่า การดื่มนมวัวกับนมถั่วเหลืองต่างกันอย่างไร ต้องบอกว่าคุณภาพของโปรตีนในนมวัวมีกรดอะมิโนที่ดีกว่านมถั่วเหลือง นมวัวคือแหล่งโปรตีนคุณภาพ และเป็นโปรตีนมีกรดอะมิโนที่ดีและจำเป็นอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นโปรตีนชนิดที่ย่อยได้ง่าย จึงบริโภคได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุจะช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อและภูมิคุ้มกัน ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่วัยเก๋ายังจำเป็นต้องดื่มนมวัวอยู่ แต่ในขณะเดียวกันนมวัวก็ให้พลังงานจากไขมัน จึงจำเป็นต้องจำกัดปริมาณการดื่มในแต่ละวัน หรือเลือกดื่มแบบสูตรไขมันต่ำหรือสูตรไขมัน 0% เพื่อทดแทนได้ ร่างกายจึงจะได้รับประโยชน์จากนมวัวแบบพอดีๆ ไร้กังวลเรื่องไขมัน



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/MicrosoftTeams-image-109-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54446"/></figure>



นมวัวมีแคลเซียมสูง



ต่อเนื่องจากปัญหามวลกล้ามเนื้อที่ลดลงในผู้สูงอายุ คือปัญหาเรื่องโรคกระดูกพรุน เกิดจากการดูดซึมแคลเซียมที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น และการสูญเสียมวลกระดูกหลังจากที่ร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่ ทำให้เสี่ยงต่อการกระดูกหักได้ง่ายกว่าวัยอื่นๆ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก โดยปกติแล้ว ผู้สูงอายุจะต้องการแคลเซียมวันละ 1,000-1,200 มิลลิกรัม จึงจำเป็นต้องเสริมแคลเซียมให้เพียงพอ



และแหล่งของแคลเซียมที่ดีที่สุด คือผลิตภัณฑ์จากนมนั่นเอง เพราะมีปริมาณแคลเซียมที่สูงและร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย และสำคัญที่สุดคือให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแสงแดดในตอนเช้า จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/MicrosoftTeams-image-114-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54447"/></figure>



ผู้สูงอายุ ควรดื่มนมวันละ 1 แก้ว



เชื่อว่าคำถามที่พี่ๆ วัยเก๋าทุกคนสงสัย คือควรดื่มนมปริมาณเท่าไรดีใน 1 วัน คำตอบคือ ผู้สูงอายุควรดื่มนมวันละ 1 แก้ว ถือเป็นปริมาณที่พอดีกับร่างกาย ทั้งของปริมาณโปรตีนและแคลเซียมที่ได้รับ และไม่ได้รับพลังงานมากจนเป็นโทษต่อร่างกาย



นอกจากนั้น การเลือกประเภทของนมก็มีส่วนสำคัญ ควรเลือดดื่มเป็นนมพาสเจอร์ไรส์ เพราะเป็นนมสด 100% ที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อด้วยความร้อนต่ำเป็นเวลานาน ทำให้นมมีความสดใหม่กว่า และยังคงสารอาหารที่มีคุณค่าไว้อย่างครบถ้วน ทั้งโปรตีน แคลเซียมสูง ฟอสฟอรัสสูง และมีวิตามินหลากหลายชนิด



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/MicrosoftTeams-image-116-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54455"/></figure>



เมจิ นมพาสเจอร์ไรส์ยอดขายอันดับ 1 ในไทย ที่สว.มั่นใจ



ในสถานการณ์โควิดแบบนี้ เรื่องอาหารการกินก็ต้องสะอาดปลอดภัย การเลือกแบรนด์สินค้าที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน อย่าง เมจิ นมพาสเจอร์ไรส์ ที่สร้างยอดขายอันดับ 1 ในไทย การันตีได้ถึงคุณภาพที่ชาวสว.มั่นใจได้ ตั้งแต่คุณภาพการผลิตที่ใส่ใจ ความสะอาดที่ได้มาตรฐาน และคุณประโยชน์ที่ได้จากนมแบบเต็มร้อยแน่นอน



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/MicrosoftTeams-image-111-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54450"/></figure>



เมจิใส่ใจในกระบวนการผลิต



กระบวนการผลิต ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้พี่ๆ ผู้สูงอายุได้ดื่มนมคุณภาพ เมจิจึงใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกน้ำนมดิบ ซึ่งไม่ได้เลือกแต่เพียงน้ำนมคุณภาพและสารอาหารสูงเท่านั้น แต่ยังเลือกน้ำนมที่สะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดยาปฎิชีวนะ ด้วยการส่งทีมสัตวแพทย์จากเมจิเข้าไปให้ความรู้กับเกษตรกรโคนมถึงฟาร์มเลยทีเดียว ทำให้การผลิตน้ำนมดิบที่ส่งมายังโรงงานของเมจิทุกหยด สะอาดปลอดภัย และที่สำคัญเป็นการช่วยให้เกษตรกรไทยขายน้ำนมดิบได้ในราคาที่สูงขึ้นอีกด้วย



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/meji-09-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54456"/></figure>



เมจิใส่ใจความสะอาดได้มาตรฐาน



นอกเหนือจากน้ำนมที่สดสะอาดจากฟาร์มแล้ว เมื่อมาถึงกระบวนการในการบรรจุลงขวดก็ยังมั่นใจได้ เพราะห้องบรรจุนมของเมจิ เป็นระบบเครื่องบรรจุปลอดเชื้อ มีการควบคุมสภาวะอากาศด้วยระบบการกรองเชื้อจุลินทรีย์ด้วย HEPA Filter ซึ่งเป็นหลักการและมาตรฐานเดียวกันกับห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล เรียกว่าสะอาดสุดๆ และยังมีห้องแล็ปที่ได้รับรองระบบมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล บอกเลยว่าเป็นมาตรฐานที่มีไม่กี่บริษัทในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานนี้ จึงมั่นใจได้ว่า นมเมจิทุกขวด อร่อย สด สะอาด ปลอดภัย ทุกครั้งที่ดื่ม



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/MicrosoftTeams-image-113-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54451"/></figure>



ยังแฮปปี้และเมจิ เป็นกำลังใจให้วัยเก๋าสุขภาพแข็งแรง



แม้ว่าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในตอนนี้ยังคงน่าเป็นห่วง ยังแฮปปี้ และ เมจิ จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้สูงอายุมีร่างกายแข็งแรง หมั่นดูแลสุขภาพด้วยการขยับร่างกายบ่อยๆ ยามอยู่บ้าน ไม่ปล่อยให้ร่างกายเนือยนิ่ง เลือกกินแต่ของมีประโยชน์ ไปพร้อมกับการดูแลสุขภาพจิตใจให้แจ่มใส เสพข่าวอย่างมีสติ พร้อมเสริมพลังสตรองด้วยนมเมจิทุกวัน เพราะอยากให้วัยเก๋าทุกคนยังคงแข็งแรงแบบนี้ไปตลอด จนกว่าจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

ไขข้อข้องใจ วัยเก๋า ทำไมยังต้องดื่ม ‘นมวัว’

เพื่อให้การรับวัคซีนของพี่ๆ ได้ประโยชน์สูงสุด วันนี้ ยังแฮปปี้ จึงขอนำข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาให้อ่านกัน

ช่วงนี้พี่ๆ หลายคนคงได้เริ่มทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันบ้างแล้ว ซึ่งการฉีดวัคซีนดังกล่าวก็เหมือนกับการฉีดวัคซีนตัวอื่นๆ ที่ผลในการป้องกันขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของวัคซีนและการตอบสนองของแต่ละบุคคล&nbsp;



และเพื่อให้การรับวัคซีนของพี่ๆ ได้ประโยชน์สูงสุด วันนี้ ยังแฮปปี้ จึงขอนำข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาให้อ่านกัน ว่าพี่ๆ จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ทั้งสุขภาพกายและใจเพื่อให้พร้อมสำหรับการฉีดวัคซีนในครั้งนี้



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54421"/></figure>



ก่อนฉีด



เช็คก่อน: ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหรือกินยาประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการฉีด หากมีไข้ไม่สบายให้เลื่อนฉีดออกไปก่อน



ข้อปฏิบัติ: พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารให้พอดี ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ



ข้อห้าม: งดคาเฟอีนและน้ำอัดลม งดยาแก้ปวด ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูด ยาแอสไพริน



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-copy-1024x1024_2.png" alt="" class="wp-image-54422"/></figure>



วันฉีด



เช็คก่อน: มีโรคประจำตัวหรือกินยาประจำ แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนรับการฉีดวัคซีน



ข้อปฏิบัติ: ทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย ไม่ต้องกังวล เพราะมีผลต่อความดันโลหิต



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-copy-2-1024x1024_1.png" alt="" class="wp-image-54423"/></figure>



หลังฉีด



ข้อปฏิบัติ: พักรอดูอาการ 30 นาที วัดความดันโลหิตก่อนกลับ เช็ควันนัดหมายรับวัคซีนเข็มที่ 2



ข้อควรระวัง: อย่าเกร็งแขนข้างที่ฉีดอย่างน้อย 2 วัน หากมีอาการ เช่น ไข้สูง หน้ามืด ลมพิษ อ่อนแรง ให้รีบติดต่อแพทย์ทันที



อ้างอิง <a href="https://today.line.me/th/v2/article/plMPqp">สรุปเตรียมตัวก่อน-หลัง ฉีดวัคซีนโควิด-19 | INN News | LINE TODAY</a> <a href="https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/848">ข้อควรปฏิบัติก่อน-ระหว่าง-หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 (ram-hosp.co.th)</a>

สูงวัยเตรียมตัวให้พร้อม ก่อน-หลังฉีดวัคซีนโควิด-19

รู้จักเกี่ยวกับภาวะของคนที่เป็นโรคเสพติดข้อมูลข่าวสาร หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ภาวะข้อมูลท่วมท้น’ เสียก่อน ซึ่งในปัจจุบัน ภาวะนี้กำลังเกิดขึ้น

#ใจรู้สู้โควิด



ทุกวันนี้ พวกเราเหมือนแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางข้อมูลข่าวสารมากมายไม่รู้จบในโลกออนไลน์ ทั้งข้อมูลที่เป็นความจริงและไม่เป็นความจริงเบียดกันอยู่ในหน้านิวส์ฟีด บทสนทนาโต้เถียงที่วกวนบนโซเชียลมีเดีย รวมถึงเฟคนิวส์ที่สร้างความเข้าใจผิดและอาจทำอันตรายถึงชีวิตได้



แต่ก่อนที่เราจะไปลงลึกกันในเรื่องของเฟคนิวส์ วันนี้ ยังแฮปปี้ อยากจะพาพี่ๆ ไปทำรู้จักเกี่ยวกับภาวะของคนที่เป็นโรคเสพติดข้อมูลข่าวสาร หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ภาวะข้อมูลท่วมท้น’ เสียก่อน ซึ่งในปัจจุบัน ภาวะนี้กำลังเกิดขึ้นกับใครหลายคน และหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นพี่ๆ ชาวยังแฮปปี้ก็เป็นได้ 



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-1024x1024_2.png" alt="" class="wp-image-54362"/></figure>



‘ภาวะข้อมูลท่วมท้น’ คืออะไร



‘ภาวะข้อมูลท่วมท้น’ หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Information Overload’ เกิดจากความสะดวกในการนำเสนอข้อมูลและค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลพวงจากการเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างทั่วถึงและง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงโครงสร้างโมเดลธุรกิจในหลายสาขา ที่ติดอยู่ในวังวนของการแข่งขันผลิตข้อมูลซึ่งเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ โดย นายเดวิด ลาเวนดา (David Lavenda) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์และการตลาด ได้ให้คำจำกัดความภาวะนี้ไว้ว่า ‘ข้อมูลมาก เวลาน้อย และไม่มีคุณภาพ’



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-copy-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-54363"/></figure>



ปัญหาสุขภาพกายและใจที่ตามมา



หากสมองได้รับข้อมูลข่าวสารในปริมาณมาก แต่ไม่มีเวลาพอที่จะประมวลผล อาจทำให้เกิดอาการอัมพาตด้านการวิเคราะห์ (Analysis Paralysis) ส่งผลให้ความสามารถในการทำความเข้าใจหรือทักษะการจับประเด็นลดลง เกิดอาการสมาธิสั้น (Attention Deficit Trait) ทำให้ไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดเป็นพิเศษ มีความสับสน เพราะไม่สามารถจัดการหรือเข้าใจข้อมูลในระยะเวลาอันสั้นได้



นอกจากนี้ การรับข้อมูลข่าวสารมากเกินไปยังทำให้เกิดความเครียด มีความวิตกกังวล นอนไม่หลับ และในบางรายอาจทำให้เกิดอาการกำเริบของโรคต่างๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะความเครียดอาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูง เกิดภาวะหัวใจทำงานหนัก และเสี่ยงหัวใจวายได้ 



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/06/_FB-post-copy-2-1024x1024_2.png" alt="" class="wp-image-54364"/></figure>



วิธีดูแลตัวเองเมื่อเสพข่าวออนไลน์



สำหรับแนวทางในการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากภาวะข้อมูลท่วมท้นจนทำให้เกิดความเครียด สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการตั้งสติ สำรวจตัวเองว่าเรากำลังรับข้อมูลข่าวสารเยอะเกินไปหรือไม่ จากนั้นลองเปลี่ยนไปทำกิจกรรมผ่อนคลายอย่างอื่นดูบ้าง เช่น วาดรูป ปลูกต้นไม้ หรือทำอาหาร จำกัดเวลาเสพข่าวและเล่นโซเชียลมีเดียและต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ&nbsp;



เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ‘ภาวะข้อมูลท่วมท้น’ พี่ๆ เคยมีอาการแบบนี้บ้างรึเปล่าคะ ถ้าเคยมีประสบการณ์ละก็ อย่าลืมคอมเมนต์มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ&nbsp;



สุดท้ายนี้ ยังแฮปปี้ ขอให้พี่ๆ เสพข้อมูลข่าวสารในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไปจนเกิดความเครียดนะคะ    



อ้างอิง <a href="https://www.hfocus.org/content/2020/12/20700">ข้อมูลท่วมท้นไม่ได้ทำให้คนฉลาดขึ้น แต่เป็นเหยื่อเรื่องเท็จมากขึ้น | Hfocus.org เจาะลึกระบบสุขภาพ</a> <a href="https://voicetv.co.th/read/HJn7i_FlM">'Infobesity' เมื่อข้อมูลล้น ๆ ทำให้ทุกคนป่วย (voicetv.co.th</a> <a href="https://babespace.co/6-%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%9B-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0-information-overload-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A2/">6 สเต็ป ในการเอาชนะ Information Overload ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้น - babespace.co</a> <a href="https://thematter.co/uncategorized/infobesity/29333">ข้อมูลท่วมหัว เอาตัวให้รอด วิธีเอาตัวรอดจากภาวะ Infobesity (thematter.co)</a> <a href="http://mike-cmu.blogspot.com/2017/07/information-overload.html">Information Overload (คนไทยกับสภาวะ ข้อมูลที่ท่วมท้น) (mike-cmu.blogspot.com)</a>

สุขภาพ