เราอยู่กับโควิด 19 กันมานานหลายปี จนหน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งสำคัญจำเป็น ในชีวิตประจำวันของเราไปเสียแล้ว แรกๆ อาจไม่ค่อยชินกับการมีอะไรมาคอยปกปิดใบหน้า แต่ตอนนี้จะออกนอกบ้านทีไร ก็ต้องคว้ามาสวมไว้ก่อนเพื่อความอุ่นกายสบายใจ 
.
แต่เมื่อ 23 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศเกี่ยวกับ ‘การยกเลิกสวมหน้ากากอนามัย’ ซึ่งมีใจความสำคัญเกี่ยวกับการผ่อนคลายข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทั่วราชอาณาจักร หมายถึงอนุโลมให้ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาในบางเงื่อนไขนั่นเอง
.
ฟังแบบนี้แล้ว พี่ๆ หลายคนคงดีใจที่จะได้ถอดหน้ากากอนามัย ให้ใบหน้าได้สัมผัสลมเย็นๆ แต่ก่อนจะวางแผนถอดหน้ากากอวดรอยยิ้มสวยๆ ข้างนอกบ้าน เรามาเช็คให้ชัวร์ก่อนดีกว่าว่า การจะถอดหน้ากากอนามัย มีเงื่อนไขอะไรบ้าง สถานที่ไหนที่ถอดได้หรือไม่ได้ และใครเป็นกลุ่มเสี่ยง ยังแฮปปี้สรุปข้อมูลจากกรมอนามัย มาให้พี่ๆ ได้อ่านกันตรงนี้เลย 
<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/07/yh-senior-mask-covid19_1.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
ถอดหน้ากากอนามัยได้ตอนไหนบ้าง 
- เมื่ออยู่คนเดียว/อยู่ในบ้าน หรืออยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่มีความเสี่ยงในบ้านเดียวกัน
-ขณะรับประทานอาหาร/เครื่องดื่ม หรือร่วมโต๊ะกับผู้ที่ไม่มีความเสี่ยง อย่างไรก็ดี ควรใช้ช้อนกลางในการตักอาหาร 
–ขณะออกกำลังกาย แต่ควรสวมใส่ทันทีที่เสร็จ
–ขณะแสดงมหรสพ ถ่ายละคร ทำการแสดงต่างๆ 
-เมื่อขับรถยนต์/มีผู้นั่งอยู่ข้างๆ ได้
-ในพื้นที่นอกอาคาร โล่งแจ้ง ไม่แออัด
-สถานที่ปิดอย่าง ตลาด ห้างสรรพสินค้า หากอยู่ภายในโซนที่คนไม่แออัด สามารถถอดได้แต่ให้เว้นระยะห่าง 
-สวนสาธารณะ ชายทะเล ถอดได้ เว้นระยะห่างจากผู้อื่น

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/07/yh-senior-mask-covid19_2.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>
พื้นที่ที่ไม่ควรถอดหน้ากากอนามัย
-ในอาคารที่เป็นพื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท ไม่ควรถอดหน้ากากอนามัย
-นอกอาคารที่มีคนหนาแน่น แม้จะเป็นสถานที่เปิดโล่งก็ไม่ควรถอด เช่น ลานจัดคอนเสิร์ต 
–ในขนส่งสาธารณะ เช่น บนรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้า
-ในพื้นที่เสี่ยงโรค เช่น โรงพยาบาล 

<img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_uplaod/2022/07/yh-senior-mask-covid19_3.png" alt="undefined" style="height: auto;width: auto"/>

ใครที่ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
กลุ่มคนเหล่านี้ คือกลุ่มคนที่ไม่ควรถอดหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสพบเจอผู้คนเยอะ เสี่ยงต่อการติดและส่งต่อเชื้อ รวมถึงเสี่ยงต่ออาการรุนแรงและเสียชีวิตได้
1.กลุ่ม 608 ซึ่งเป็นผู้เข้าข่ายเสี่ยงที่เมื่อติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการรุนแรงหรือความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบตามเกณฑ์
2.ผู้ที่มีโรคประจําตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
3.ผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเชื้อโควิด-19 
4.ผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการหรือใกล้ชิดกับบุคคลอื่น เช่น พนักงานบริการในร้านอาหาร 
.
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ขอให้พี่ๆ ประเมินความเสี่ยงของสถานที่และสุขภาพของตัวเองทุกครั้ง ก่อนตัดสินใจถอดหน้ากากอนามัยเมื่ออกนอกบ้าน จะได้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด และล้างมือด้วยแอลกฮอล์บ่อยๆ พกหน้ากากอนามัยติดตัวไว้ เพื่อให้พร้อมหยิบสวมใส่เมื่อเข้าจุดเสี่ยง ชัวร์กว่าแน่นอน
.
https://ratchakitcha2.soc.go.th/pdfdownload/?id=139D146S0000000002100
กรมอนามัย

ทวนก่อนถอด! เช็คเงื่อนไขความปลอดภัยก่อนไม่สวมแมสก์

ยังแฮปปี้ จึงขอแนะนำ 3 เทคนิคดีๆ ในการสื่อสารและดูแลรักษาความสัมพันธ์ภายในครอบครัวให้กับพี่ๆ ผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้าน ในช่วงวิกฤตนี้

หลายคนอาจมองว่า ช่วงโควิด-19 เป็นช่วงเวลาดีที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่บ้านและใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น แต่ความจริงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสนี้ กลับสร้างสถิติอันน่ากลัว ปรากฎว่ามีอัตราการหย่าร้างสูงขึ้นและมีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มมากขึ้นด้วย&nbsp;



เมื่อวิเคราะห์ดู พบว่าความใกล้ชิดสนิทสนมที่มากเป็นพิเศษ อาจทำให้เราเผลอทำร้ายจิตใจกันง่ายขึ้น ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าเรามักจะใส่ใจความรู้สึกของคนใกล้ตัวน้อยกว่าคนทั่วไปนั่นเอง จึงไม่แปลกที่หลายครอบครัวมักเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันมากขึ้นในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน&nbsp;



ในวันนี้ ยังแฮปปี้ จึงขอแนะนำ 3 เทคนิคดีๆ ในการสื่อสารและดูแลรักษาความสัมพันธ์ภายในครอบครัวให้กับพี่ๆ ผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้าน เพื่อจะได้มีความเข้าใจคนในครอบครัวดีมากยิ่งขึ้นในช่วงวิกฤตนี้



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/อยู่บ้านโควิด_FB-post-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52292"/></figure>



1.ใช้ I-Message แทน You-Message



I-Message คือการสื่อสารความรู้สึกและความต้องการของตัวเองโดยตรง หลีกเลี่ยงการพูดถึงผู้ฟัง ส่วน You-Message คือการกล่าวถึงการกระทำของคู่สนทนา ซึ่งการสื่อสารลักษณะนี้อาจทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกว่ากำลังถูกตำหนิอยู่และนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งได้



ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการให้คนในครอบครัวเก็บกรรไกรเข้าที่ แทนที่จะพูดว่า ‘กะอีแค่เก็บกรรไกรให้เข้าที่ เรื่องง่ายๆ แบบนี้ทำไม่ได้หรือไง’ ลองเปลี่ยนเป็น ‘เก็บกรรไกรตรงนี้นะ จะได้หยิบง่ายๆ หลังใช้เสร็จช่วยเก็บเข้าที่เดิมด้วยนะจ๊ะ’&nbsp; วิธีพูดแบบนี้จะช่วยให้ลดโอกาสในการปะทะอารมณ์กับคนในครอบครัวลงได้&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/อยู่บ้านโควิด_FB-post-copy-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52293"/></figure>



2.หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดดูถูกซึ่งกันและกัน



ไม่มีใครชอบการโดนดูถูก แต่หลายครั้งที่เราเผลอพูดดูถูกคนใกล้ตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการพูดโดยไม่ให้เกียรติ ประชดประชัน หรือการแสดงสีหน้าท่าทางต่างๆ ที่สร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับคู่สนทนา ซึ่งการทำกิริยาแบบนี้บ่อยครั้ง อาจนำไปสู่ความร้าวฉานภายในครอบครัวได้



ในช่วงนี้ที่หลายคนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน ถ้าบังเอิญเห็นลูกหลานนั่งนิ่งๆ อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็อย่าเพิ่งไปตัดสินและพูดกับพวกเขาว่า ‘วันๆ เอาแต่มองจอ ไม่รู้จักทำอะไรที่มีประโยชน์บ้างเลยหรือไง’ เพราะอันที่จริง พวกเขาอาจกำลังทำงานหรือเรียนออนไลน์อยู่ก็เป็นได้&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/04/อยู่บ้านโควิด_FB-post-copy-2-1024x1024.png" alt="" class="wp-image-52294"/></figure>



3.ทำความเข้าใจ ชื่นชม และให้กำลังใจกัน



ในสถานการณ์ที่ต้องอยู่ร่วมกันในบ้านเป็นระยะเวลานานๆ การปรับตัวและความเครียดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนการกระทบกระทั่งกับสมาชิกในครอบครัวก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา&nbsp;



อย่างไรก็ตาม ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า คนเหล่านี้คือคนที่เรารักและรักเรา และเขาไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของเรา ลองถามตัวเองว่าอยากอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยความรู้สึกอย่างไร ลองเปิดใจ ทำความเข้าใจภาระหน้าที่ของแต่ละคน เห็นใจกันและกัน อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง พยายามชื่นชมและขอบคุณคนในครอบครัวเวลาที่เขาทำสิ่งดีๆ ให้กับเรา



ยังแฮปปี้ขอให้พี่ๆ ผู้สูงอายุทุกคนมีสุขภาพจิตที่ดี ร่างกายแข็งแรง พร้อมเป็นที่พักพิงและกำลังใจสำคัญให้กับคนในครอบครัวในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ แล้วเราทุกคนจะผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปด้วยกันนะคะ



อ้างอิง <a href="https://www.bangkokhospital.com/content/during-covid-19-do-not-let-love-decrease">อยู่ใกล้กันมากขึ้น อย่ารักกันน้อยลงช่วง COVID-19 | Bangkok Hospital</a>

3 เทคนิคดูแลความสัมพันธ์ในครอบครัวช่วงโควิด

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเครียดในช่วงโควิด-19 อาการต่างๆ ที่แสดงออกเมื่อมีความเครียด วิธีจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่เพียงส่งผลกระทบเชิงกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพจิตใจที่ต้องคอยรับแรงกดดันมากมายจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย จึงไม่แปลกที่หลายคนจะเกิดความเครียดหรือความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว&nbsp;



อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องหมั่นสังเกตปฏิกิริยาของเราที่มีต่อความเครียดที่เกิดขึ้น ว่ามันได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนรอบตัวอย่างไร โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิดและสมาชิกในครอบครัว



วันนี้ ยังแฮปปี้จะพาพี่ๆ ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเครียดในช่วงโควิด-19 อาการต่างๆ ที่แสดงออกเมื่อมีความเครียด และสุดท้าย วิธีจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/Artboard-1-copy-10-100-1-1024x1024.jpg" alt="" class="wp-image-51298"/></figure>



รู้สึกเครียดไม่ใช่เรื่องผิด



อย่างแรกเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ความเครียดและความวิตกกังวล เป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่ทุกคนมี โดยเฉพาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้ที่มีความกดดันจากด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน พฤติกรรมที่ต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงอารมณ์ที่แปรปรวนของคนใกล้ตัว ดังนั้น การที่จะรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลจึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่เราจะต้องรู้ตัวว่าเกิดความเครียดแล้วและรู้จักที่จะจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/Artboard-1-copy-11-100-1-1024x1024.jpg" alt="" class="wp-image-51299"/></figure>



อาการที่เกิดขึ้นเมื่อมีความเครียด



การเครียดสะสมเป็นเวลานานๆ จะนำมาซึ่งเกิดความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจ โดยอาการที่แสดงออกเมื่อมีความเครียด ได้แก่ หัวใจเต้นแรง, เหงื่อออก, มือเท้าเย็น, ปวดท้อง และกระวนกระวาย ปัญหาสุขภาพที่จะตามมา ก็เช่น นอนไม่หลับ, ปวดศีรษะ, ใจสั่น, ปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และหงุดหงิดง่าย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ โรคซึมเศร้า เป็นต้น ดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น จึงควรหมั่นตรวจสอบสภาวะอารมณ์ของตัวเองอยู่เสมอ เมื่อเกิดความเครียดหรือความวิตกกังวล ต้องรีบหาคำตอบให้ได้ว่าเกิดจากอะไร&nbsp;



<figure class="wp-block-image size-large"><img src="https://storage.googleapis.com/younghappy-web-bucket/post_upload/2021/01/Artboard-1-copy-13-100-1-1-1024x1024.jpg" alt="" class="wp-image-51300"/></figure>



วิธีจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น



การเครียดถือเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอดของมนุษย์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ทุกคนจึงอาจเครียดได้ แต่ทำอย่างไรให้เครียดอย่างพอดี และไม่กระทบชีวิตประจำวันของตัวเองหรือคนใกล้ตัว หากตอนนี้ยังไม่พบหรือไม่แน่ใจว่าความเครียดของเราเกิดจากอะไร ให้ลองปฏิบัติตามนี้ดู คือ ติดตามข่าวสารต่างๆ เท่าที่จำเป็น, ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด, ใช้ชีวิตตามปกติ, ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจเสมอๆ



อีกอย่างคือ ให้ถามตัวเองและคนในครอบครัวดูว่า กิจกรรมใดบ้างที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสนุกสนานและเกิดบรรยากาศดีๆ ภายในบ้าน บางครอบครัวชอบดูหนังและเล่นเกม หรืออาจลองชวนกันทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำด้วยกันมาก่อน อย่างทำขนม&nbsp; วาดรูป หรือเล่นบอร์ดเกมด้วยกัน ไม่แน่นะ พี่ๆอาจจะค้นพบความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งก็เป็นได้



นอกจากนี้ การเป็นกำลังใจที่ดีให้กันและกัน คอยถามสารทุกข์สุกดิบคนในบ้านอยู่เสมอๆ ว่าตอนนี้แต่ละคนเป็นอย่างไร สบายดีไหม หรือมีเรื่องอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือบ้าง ก็จะช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านดีขึ้น&nbsp; ยิ่งในช่วงนี้ ลูกๆ หลานๆ ต้องปรับตัวกับการ work from home และเรียนออนไลน์ พวกเขาอาจจะรู้สึกเครียดไม่มากก็น้อย การที่มีคนคอยถามด้วยความห่วงใย สร้างพื้นที่ให้พวกเขาได้ระบายและพูดคุย ก็จะช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น เมื่อคนรอบข้างรู้สึกผ่อนคลาย พี่ๆก็จะพลอยสบายใจไปด้วยและมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน&nbsp;



ยังแฮปปี้ขอให้พี่ๆ ผู้สูงอายุทุกคนมีสุขภาพจิตที่ดี ร่างกายแข็งแรง พร้อมเป็นที่พักพิงและกำลังใจสำคัญให้กับลูกๆ หลานๆ แล้วเราทุกคนก็จะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันนะคะ



อ้างอิง



<a href="https://www.sanook.com/health/20649/">https://www.sanook.com/health/20649/</a> <a href="https://www.chula.ac.th/en/cuinside/29447/">https://www.chula.ac.th/en/cuinside/29447/</a> <a href="https://brandinside.asia/how-to-manage-and-learn-about-anxiety/">https://brandinside.asia/how-to-manage-and-learn-about-anxiety/</a> <a href="https://www.bangkokhospital.com/content/psychiatric-guidance-on-stress-management-trading-covid-19">https://www.bangkokhospital.com/content/psychiatric-guidance-on-stress-management-trading-covid-19</a>

COVID-19

ทวนก่อนถอด! เช็คเงื่อนไขความปลอดภัยก่อนไม่สวมแมสก์

3 เทคนิคดูแลความสัมพันธ์ในครอบครัวช่วงโควิด

เจอโควิด อยู่อย่างไรให้แฮปปี้ วิธีจัดการความเครียดในผู้สูงอายุและครอบครัว